📜
ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๒๔๔๔. อิจฺเจวํ ¶ ¶ นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน วิภงฺคทฺวเย, ตทฏฺกถาย จ อาคตํ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ขนฺธกาคตํ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุมารภนฺโต อาห ‘‘สีลกฺขนฺธาที’’ติอาทิ. ตตฺถ สีลกฺขนฺธาทิยุตฺเตนาติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาเตหิ ปฺจหิ ขนฺเธหิ คุณราสีหิ ยุตฺเตน สมนฺนาคเตน. สุภกฺขนฺเธนาติ สุวณฺณาลิงฺคสทิสวฏฺฏกฺขนฺธตาย สุโภ สุนฺทโร ขนฺโธ เอตสฺสาติ สุภกฺขนฺโธ, ภควา, เตน. อิมินา พาตฺตึสลกฺขณานเมกเทสภูตสฺส สมวฏฺฏกฺขนฺธตาลกฺขณสฺส ปริทีปเกน วจเนน ลกฺขณาหารนเยน พาตฺตึสลกฺขณาทิกา สพฺพาปิ รูปกายสิรี สนฺทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา.
ขนฺธเกติ ขนฺธานํ สมูโห ขนฺธโก, ขนฺธานํ วา กายนโต ทีปนโต ขนฺธโก. ‘‘ขนฺธา’’ติ เจตฺถ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทิวินยกมฺมสงฺขาตา, จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ‘‘ปฺตฺติโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธ-สทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) อคฺคิกฺขนฺโธ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) อุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๖.๓๗) วิย. อปิจ ภาคราสตฺถตา ¶ เจตฺถ ยุชฺชติเยว ตาสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโส, ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา. ตสฺมึ ขนฺธเก. ปิ-สทฺโท วุตฺตาเปกฺขาย ปฺจสติกสตฺตสติกกฺขนฺธเก ทฺเว วชฺเชตฺวา ¶ ปพฺพชฺชกฺขนฺธกาทิเก ภิกฺขุนิขนฺธกปริโยสาเน วีสติวิเธ ขนฺธเก วุตฺตวินิจฺฉยสฺส อิธ วกฺขมานตฺตา. ตเทว สนฺธายาห ‘‘ขนฺธเกปิ ปวกฺขามิ, สมาเสน วินิจฺฉย’’นฺติ.
๒๔๔๕. ‘‘มาตรา ปิตรา’’ติ อิมินา ชนกาเยว อธิปฺเปตา. ‘‘ภณฺฑุกมฺมํ, สมณกรณํ, ปพฺพาชนนฺติ จ ปริยาย-สทฺทา’’ติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆํ อปโลเกตุํ ภณฺฑุกมฺมายา’’ติ (มหาว. ๙๘) อิมิสฺสา ปาฬิยา อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๙๘) วุตฺตํ. อาปุจฺฉิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘สงฺฆ’’นฺติ เสโส.
๒๔๔๖. วาวโฏติ ปสุโต, ยุตฺตปยุตฺโตติ อตฺโถ. ‘‘ปพฺพาเชตฺวา อานย อิติ จา’’ติ ปทจฺเฉโท. เอตฺถ จ ติธา ปพฺพาชนํ เวทิตพฺพํ เกสจฺเฉทนํ, กาสายอจฺฉาทนํ, สรณทานนฺติ, อิมานิ ตีณิ กโรนฺโต ‘‘ปพฺพาเชตี’’ติ วุจฺจติ. เตสุ เอกํ, ทฺเว วาปิ กโรนฺโต ตถา โวหรียติเยว. ตสฺมา ‘‘ปพฺพาเชตฺวานยา’’ติ อิมินา เกเส ฉินฺทิตฺวา กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา อาเนหีติ อยมตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺโพ.
๒๔๔๗. อวุตฺโตติ อุปชฺฌาเยน อนุยฺโยชิโต. โส ทหโร สเจ ตํ สยเมว เกสจฺเฉทนกาสายจฺฉาทเนหิ ปพฺพาเชติ, วฏฺฏตีติ โยชนา.
๒๔๔๘. ตตฺถาติ อตฺตโน สมีเป. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหารตฺถํ วุตฺตํ. เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ภิกฺขุํ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสจฺเฉทนํ สนฺธาย วทติ.
๒๔๕๐. ‘‘ปุริสํ ¶ ภิกฺขุโต อฺโ, ปพฺพาเชติ น วฏฺฏตี’’ติ อิทํ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามเณโร’’ติอาทิ.
๒๔๕๑. อุภินฺนมฺปิ เถรเถรีนํ ‘‘อิเมหิ จีวเรหิ อิมํ อจฺฉาเทหี’’ติ อาณตฺติยา สามเณโรปิ ¶ วา โหตุ, ตถา สามเณรี วา โหตุ, เต อุโภ สามเณรสามเณรี กาสายานิ ทาตุํ ลภนฺตีติ โยชนา.
๒๔๕๒-๔. ปพฺพาเชนฺเตน ภิกฺขุนาติ เอตฺถ ‘‘ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา’’ติ วตฺตพฺพํ เอวฺหิ กตฺวา เกสาปนยนสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อาวุโส, สุฏฺุ อุปธาเรหิ, สตึ อุปฏฺาเปหีติ วตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อาจิกฺขนฺเตน จ วณฺณสณฺานคนฺธาสโยกาสวเสน อสุจิเชคุจฺฉปฏิกฺกูลภาวํ, นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ วา ปากฏํ กโรนฺเตน อาจิกฺขิตพฺพ’’นฺติอาทิ. กิมตฺถเมวํ กรียตีติ เจ? สเจ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ตสฺส ขุรคฺเคเยว อรหตฺตปาปุณนตฺถํ. วุตฺตฺเจตํ อฏฺกถายํ –
‘‘เย หิ เกจิ ขุรคฺเค อรหตฺตํ ปตฺตา, สพฺเพ เต เอวรูปํ สวนํ ลภิตฺวา กลฺยาณมิตฺเตน อาจริเยน ทินฺนนยํ นิสฺสาย, โน อนิสฺสาย, ตสฺมาสฺส อาทิโตว เอวรูปี กถา กเถตพฺพา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔).
เอเตเนว พฺยติเรกโต อิโต อฺา อนิยฺยานิกกถา น กเถตพฺพาติ ทีปิตํ โหติ. โคมยาทินาติ โคมยจุณฺณาทินา. อาทิ-สทฺเทน มตฺติกาทีนํ คหณํ. ปีฬกา วาติ ถุลฺลปีฬกา วา. กจฺฉุ วาติ สุขุมกจฺฉุ วา. นิยํปุตฺตนฺติ ¶ อตฺตโน ปุตฺตํ. ‘‘ภิกฺขุนา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส ทูรตฺตา ‘‘ยตินา’’ติ อาห.
๒๔๕๕-๖. กสฺมา ปน เอวํ นหาเปตพฺโพติ อาห ‘‘เอตฺตเกนาปี’’ติอาทิ. โสติ ปพฺพชฺชาเปกฺโข. อุปชฺฌายกาทิสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อาจริยสมานุปชฺฌายกาทีนํ คหณํ. ปาปุณนฺติ หีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท ยสฺมา-ปทตฺเถ วตฺตติ. ยสฺมา เอตฺตเกนาปิ อุปชฺฌายาทีสุ สคารโว โหติ, ยสฺมา จ เอวรูปํ อุปการํ ลภิตฺวา กุลปุตฺตา อุปฺปนฺนํ อนภิรตึ ปฏิวิโนเทตฺวา สิกฺขาโย ปริปูเรตฺวา นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสนฺติ, ตสฺมา เอวรูโป อุปกาโร กาตพฺโพติ อตฺโถ.
๒๔๕๘. เอกโตติ สพฺพานิ จีวรานิ เอกโต กตฺวา.
๒๔๕๙. อถาติ ¶ อธิการนฺตรารมฺเภ นิปาโต. ตสฺส หตฺเถ อทตฺวาปิ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วาปิ สยเมว ตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ อจฺฉาเทติ, วฏฺฏตีติ โยชนา.
๒๔๖๐. อทินฺนจีวรสฺส อคฺคเหตพฺพตฺตา อาห ‘‘อปเนตฺวา ตโต สพฺพํ, ปุน ทาตพฺพเมว ต’’นฺติ. ตโตติ ตสฺส สรีรโต. ตนฺติ จีวรํ.
๒๔๖๑-๒. เอตเทว อาห ‘‘ภิกฺขุนา’’ติอาทินา. อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺติ. ตสฺเสว สนฺตกํ วาปิ จีวรํ อทินฺนํ น วฏฺฏติ อตฺตสนฺตเก อาจริยุปชฺฌายานํ อตฺตโน สนฺตเก จีวเร กา กถา วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อตฺโถ. ภิกฺขูติ เย ตตฺถ สนฺนิปติตา. การาเปตฺวาน อุกฺกุฏินฺติ เอตฺถ สพฺพธาตฺวตฺถานุคโต กโรติ-สทฺโท คหิโตติ อุกฺกุฏิกํ นิสีทาเปตฺวาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ, ‘‘อุกฺกุฏิก’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔) อฏฺกถาปาโ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อิธ ก-การโลเปน นิทฺทิฏฺโ.
๒๔๖๔. เอกปทํ ¶ วาปีติ พุทฺธมิจฺจาทิกํ เอกมฺปิ วา ปทํ. เอกกฺขรมฺปิ วาติ พุการาทิอกฺขเรสุ เอกมฺปิ วา อกฺขรํ. ปฏิปาฏินฺติ ‘‘พุทฺธ’’มิจฺจาทิกํ ปทปนฺตึ.
๒๔๖๕. อกตฺตพฺพปฺปการนฺตรํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ติกฺขตฺตุํ ยทิ วา’’ติอาทิ. ตถา เสเสสูติ ยทิ วา ‘‘ธมฺมํ สรณ’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ เทติ, ‘‘สงฺฆํ สรณ’’นฺติ ยทิ วา ติกฺขตฺตุํ เทติ, เอวมฺปิ ตีณิ สรณานิ อทินฺนาเนว โหนฺติ.
๒๔๖๖. อนุนาสิกนฺตานิ กตฺวา ทาตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตราวิจฺเฉทํ อกตฺวา ทาตพฺพานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกาพทฺธานิ วา ปนา’’ติ วุตฺตํ. วิจฺฉินฺทิตฺวา ปทปฏิปาฏิโต ม-การนฺตํ กตฺวา ทานสมเย วิจฺเฉทํ กตฺวา. มนฺตานีติ ‘‘พุทฺธํ สรณํ อิจฺจาทินา ม-การนฺตานิ. ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน นิคฺคหิตนฺตเมว กตฺวา น ทาตพฺพนฺติ ‘‘อถา’’ติ อาห.
๒๔๖๗. สุทฺธิ นาม อาจริยสฺส ตฺติยา, กมฺมวาจาย จ อุจฺจารณวิสุทฺธิ. ปพฺพชฺชาติ สามเณรสามเณริปพฺพชฺชา. อุภโตสุทฺธิยา วินาติ อุภโตสุทฺธึ วินา อาจริยนฺเตวาสีนํ ¶ อุภินฺนํ ตีสุ สรณตฺตยทานคฺคหเณสุ อุจฺจารณสุทฺธึ วินา, เอกสฺสาปิ อกฺขรสฺส วิปตฺติสพฺภาเว น โหตีติ อตฺโถ.
๒๔๖๘-๙. ‘‘ปพฺพชฺชาคุณมิจฺฉตา’’ติ อิทํ ‘‘อาจริเยน, อนฺเตวาสิเกนา’’ติ ปททฺวยสฺส วิเสสนํ ทฏฺพฺพํ, อนฺเตวาสิกสฺส ปพฺพชฺชาคุณํ อิจฺฉนฺเตน อาจริเยน, อตฺตโน ปพฺพชฺชาคุณํ อิจฺฉนฺเตน อนฺเตวาสิเกน จ พุ-ทฺธ-การาทโย วณฺณา พุ-การ ธ-การาทโย วณฺณา อกฺขรา านกรณสมฺปทํ กณฺตาลุมุทฺธทนฺตโอฏฺนาสิกาเภทํ านสมฺปทฺจ ¶ อกฺขรุปฺปตฺติสาธกตมชิวฺหามชฺฌาทิกรณสมฺปทฺจ อหาเปนฺเตน อปริหาเปนฺเตน วตฺตพฺพาติ โยชนา. กสฺมา อิทเมว ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอกวณฺณวินาเสนา’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท ยสฺมา-ปทตฺเถ, ยสฺมา เอกสฺสาปิ วณฺณสฺส วินาเสน อนุจฺจารเณน วา ทุรุจฺจารเณน วา ปพฺพชฺชา น รุหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
๒๔๗๐. ยทิ สิทฺธาติ สาสงฺกวจเนน อุภโตอุจฺจารณสุทฺธิยา ทุกฺกรตฺตํ ทีเปตฺวา ‘‘อปฺปมตฺเตหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุภินฺนํ อาจริยนฺเตวาสิกานํ อนุสิฏฺิ ทินฺนา โหติ. สรณคมนโตวาติ อวธารเณน สามเณรปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา วิย ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน น โหติ, อิทานิปิ สรณคมเนเนว สิชฺฌตีติ ทีเปติ. หิ-สทฺโท ปสิทฺธิยํ. ยถาห –
‘‘ยสฺมา สรณคมเนน อุปสมฺปทา ปรโต ปฏิกฺขิตฺตา, ตสฺมา สา เอตรหิ สรณคมนมตฺเตเนว น รุหติ. สามเณรสฺส ปพฺพชฺชา ปน ยสฺมา ปรโตปิ ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณรปพฺพชฺช’นฺติ (มหาว. ๑๐๕) อนฺุาตา เอว, ตสฺมา สา เอตรหิปิ สรณคมนมตฺเตเนว รุหตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔).
สรณคมนโต เอว ปพฺพชฺชา ยทิปิ กิฺจาปิ สิทฺธา นิปฺผนฺนา, ตถาปิ อสฺส สามเณรสฺส ‘‘อิทฺจิทฺจ มยา ปูเรตพฺพํ สีล’’นฺติ ตฺวา ปริปูรณตฺถาย ภิกฺขุนา ทส สีลานิ ทาตพฺพานีติ โยชนา. ยถาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานิ, เตสุ จ สามเณเรหิ สิกฺขิตุํ. ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทิ (มหาว. ๑๐๖).
ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา.
๒๔๗๑. อุปชฺฌายนฺติ ¶ ¶ วชฺชาวชฺเช อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, ตํ, ภควตา วุตฺเตหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปริปุณฺณทสวสฺโส ปุคฺคโล. นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ สิรสิ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อตฺตโน อภิมุเข อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา อายาจนาย กตาย ‘‘สาหุ, ลหุ, โอปายิกํ, ปฏิรูปํ, ปาสาทิเกน สมฺปาเทหี’’ติ อิเมสุ ปฺจสุ ปเทสุ อฺตรํ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตฺวา ตสฺมึ สมฺปฏิจฺฉิเต ปิตุฏฺาเน ตฺวา อตฺรชมิว ตํ คเหตฺวา วชฺชาวชฺชํ อุปปริกฺขิตฺวา โทเสน นิคฺคณฺหิตฺวา สทฺธิวิหาริเก สิกฺขาเปนฺโต อุปชฺฌาโย นาม.
วิชฺชาสิปฺปํ, อาจารสมาจารํ วา สิกฺขิตุกาเมหิ อาทเรน จริตพฺโพ อุปฏฺาตพฺโพติ อาจริโย, ตํ, อุปชฺฌาเย วุตฺตลกฺขณสมนฺนาคโตเยว ปุคฺคโล. วุตฺตนเยเนว นิสีทิตฺวา ‘‘อาจริโย เม, ภนฺเต, โหหิ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา อายาจนาย กตาย ‘‘สาหู’’ติอาทีสุ ปฺจสุ อฺตรํ วตฺวา ตสฺมึ สมฺปฏิจฺฉิเต ปิตุฏฺาเน ตฺวา ปุตฺตฏฺานิยํ อนฺเตวาสึ สิกฺขาเปนฺโต อาจริโย นาม.
เอตฺถ จ สาหูติ สาธุ. ลหูติ อครุ, มม ตุยฺหํ อุปชฺฌายภาเว ภาริยํ นตฺถีติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, ตํ อุปชฺฌายคฺคหณํ อิมินา อุปาเยน ตฺวํ เม อิโต ปฏฺาย ภาโร ชาโตสีติ วุตฺตํ โหติ. ปฏิรูปนฺติ อนุรูปํ เต อุปชฺฌายคฺคหณนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน กายวจีปโยเคน. สมฺปาเทหีติ ติวิธํ สิกฺขํ นิปฺผาเทหีติ อตฺโถ. กาเยน วาติ หตฺถมุทฺทาทึ ทสฺเสนฺโต กาเยน วา. นามวิเสสํ วินา ปูเรตพฺพวตฺตานํ สมตาย อุโภปิ เอกโต วุตฺตา.
เอตานิ ¶ วตฺตานิ อุปชฺฌายสฺส สทฺธิวิหาริเกน, อาจริยสฺส อนฺเตวาสิเกนาปิ เอวเมว กาตพฺพาเนวาติ. วสตาติ วสนฺเตน. ปิยสีเลนาติ ปิยํ สีลเมตสฺสาติ ปิยสีโล, เตน, สีลํ ปริปูริตุกาเมนาติ วุตฺตํ โหติ.
๒๔๗๒-๓. อาสนํ ปฺเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘กาลสฺเสว วุฏฺาย อุปาหนา โอมฺุจิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา’’ติ (มหาว. ๖๖) วุตฺตา ปุพฺพกิริยา วตฺตพฺพา. อาสนํ ปฺเปตพฺพนฺติ ¶ ทนฺตกฏฺขาทนฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา นิสีทนตฺถาย อาสนํ ปฺเปตพฺพํ. อิมินา จ ยาคุปานฏฺานาทีสุปิ อาสนานิ ปฺเปตพฺพาเนวาติ ทสฺสิตํ โหติ.
ทนฺตกฏฺํ ทาตพฺพนฺติ มหนฺตํ, มชฺฌิมํ, ขุทฺทกนฺติ ตีณิ ทนฺตกฏฺานิ อุปเนตฺวา ตโต ยํ ตีณิ ทิวสานิ คณฺหาติ, จตุตฺถทิวสโต ปฏฺาย ตาทิสเมว ทาตพฺพํ. สเจ อนิยมํ กตฺวา ยํ วา ตํ วา คณฺหาติ, อถ ยาทิสํ ลภติ, ตาทิสํ ทาตพฺพํ.
มุโขทกํ ทาตพฺพนฺติ มุขโธวโนทกํ มุโขทกนฺติ มชฺเฌปทโลปีสมาโส, ตํ เทนฺเตน สีตฺจ อุณฺหฺจ อุทกํ อุปเนตฺวา ตโต ยํ ตีณิ ทิวสานิ วฬฺเชติ, จตุตฺถทิวสโต ปฏฺาย ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ ทาตพฺพํ. สเจ อนิยมํ กตฺวา ยํ วา ตํ วา คณฺหาติ, อถ ยาทิสํ ลภติ, ตาทิสํ ทาตพฺพํ. สเจ ทุวิธมฺปิ วฬฺเชติ, ทุวิธมฺปิ อุปเนตพฺพํ. ‘‘มุโขทกํ มุขโธวนฏฺาเน เปตฺวา อวเสสฏฺานานิ สมฺมชฺชิตพฺพานิ. สมฺมชฺชนฺเตน จ วจฺจกุฏิโต ปฏฺาย สมฺมชฺชิตพฺพํ. เถเร วจฺจกุฏึ คเต ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, เอวํ ปริเวณํ อสฺุํ โหตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๖๔ อตฺถโต สมานํ) วุตฺตนเยเนว สมฺมชฺชิตพฺพํ.
ตโต ¶ อุตฺตรึ กตฺตพฺพํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตสฺส กาเลนา’’ติอาทิ. ตสฺสาติ อุปชฺฌายสฺส วา อาจริยสฺส วา. กาเลนาติ ยาคุปานกาเล. อิธาปิ ‘‘อาสนํ ปฺเปตพฺพ’’นฺติ เสโส. ยถาห ‘‘เถเร วจฺจกุฏิโต อนิกฺขนฺเตเยว อาสนํ ปฺเปตพฺพํ. สรีรกิจฺจํ กตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺมึ นิสินฺนสฺส ‘สเจ ยาคุ โหตี’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ วตฺตํ กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๖๔).
ยาคุ ตสฺสุปเนตพฺพาติ เอตฺถ ‘‘ภาชนํ โธวิตฺวา’’ติ เสโส. ยถาห – ‘‘ภาชนํ โธวิตฺวา ยาคุ อุปนาเมตพฺพา’’ติ (มหาว. ๖๖). สงฺฆโต วาติ สลากาทิวเสน สงฺฆโต ลพฺภมานา วา. กุลโตปิ วาติ อุปาสกาทิกุลโต วา.
‘‘ปตฺเต วตฺตฺจ กาตพฺพ’’นฺติ อิทํ ‘‘ยาคุํ ปีตสฺส อุทกํ ทตฺวา ภาชนํ ปฏิคฺคเหตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน โธวิตฺวา ปฏิสาเมตพฺพํ, อุปชฺฌายมฺหิ วุฏฺิเต อาสนํ อุทฺธริตพฺพํ ¶ . สเจ โส เทโส อุกฺลาโป โหติ, โส เทโส สมฺมชฺชิตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๖๖) อาคตวตฺตํ สนฺธายาห. ทิวา ภุตฺตปตฺเตปิ กาตพฺพํ เอเตเนว ทสฺสิตํ โหติ.
วตฺตํ ‘‘คามปฺปเวสเน’’ติ อิทํ ‘‘สเจ อุปชฺฌาโย คามํ ปวิสิตุกาโม โหติ, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, ปฏินิวาสนํ ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (มหาว. ๖๖) วตฺตํ สนฺธายาห. ‘‘กาตพฺพ’’นฺติ อิทํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํ.
๒๔๗๔. จีวเร ยานิ วตฺตานีติ คามํ ปวิสิตุกามสฺส จีวรทาเน, ปฏินิวตฺตสฺส จีวรคฺคหณสงฺฆรณปฏิสามเนสุ มเหสินา ยานิ วตฺตานิ วุตฺตานิ, ตานิ จ กาตพฺพานิ. เสนาสเน ตถาติ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร อุปชฺฌาโย วิหรตี’’ติอาทินา ¶ (มหาว. ๖๖) วุตฺตนเยน ‘‘เสนาสเน กตฺตพฺพ’’นฺติ ทสฺสิตํ เสนาสนวตฺตฺจ.
ปาทปีกถลิกาทีสุ ตถาติ โยชนา. อุปชฺฌาเย คามโต ปฏินิวตฺเต จ ชนฺตาฆเร จ ‘‘ปาโททกํ ปาทปีํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖) เอวมาคตํ วตฺตฺจ กาตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘อุปชฺฌาโย ปานีเยน ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิวตฺตํ (มหาว. ๖๖) สงฺคณฺหาติ.
๒๔๗๕. เอวํ สพฺพตฺถ วตฺเตสุ ปาฏิเยกฺกํ ทสฺสิยมาเนสุ ปปฺโจติ ขนฺธกํ โอโลเกตฺวา สุขคฺคหณตฺถาย คณนํ ทสฺเสตุกาโม อาห ‘‘เอวมาทีนี’’ติอาทิ. โรคโต วุฏฺานาคมนนฺตานีติ อาจริยุปชฺฌายานํ โรคโต วุฏฺานาคมนปริโยสานานิ. สตฺตตึสสตํ สิยุนฺติ สตฺตตึสาธิกสตวตฺตานีติ อตฺโถ.
ตานิ ปน วตฺตานิ ขนฺธกปาฬิยา (มหาว. ๖๖) อาคตกฺกเมน เอวํ ยถาวุตฺตคณนาย สมาเนตพฺพานิ – ทนฺตกฏฺทานํ, มุโขทกทานํ, อาสนปฺาปนํ, สเจ ยาคุ โหติ, ภาชนํ โธวิตฺวา ยาคุยา อุปนามนํ, ยาคุํ ปีตสฺส อุทกํ ทตฺวา ภาชนํ ปฏิคฺคเหตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน โธวิตฺวา ปฏิสามนํ, อุปชฺฌายมฺหิ วุฏฺิเต อาสนสฺส อุทฺธรณํ, สเจ โส เทโส อุกฺลาโป โหติ, ตสฺส สมฺมชฺชนํ, สเจ อุปชฺฌาโย คามํ ปวิสิตุกาโม โหติ, ตสฺส นิวาสนทานํ, ปฏินิวาสนปฏิคฺคหณํ, กายพนฺธนทานํ, สคุณํ กตฺวา ¶ สงฺฆาฏิทานํ, โธวิตฺวา โสทกปตฺตสฺส ทานํ, สเจ อุปชฺฌาโย ปจฺฉาสมณํ อากงฺขติ, ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฏิโย ปารุปิตฺวา ¶ คณฺิกํ ปริมฺุจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อุปชฺฌายสฺส ปจฺฉาสมเณน คมนํ, นาติทูรนจฺจาสนฺเน คมนํ, ปตฺตปริยาปนฺนสฺส ปฏิคฺคหณํ, น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถาโอปาตนํ, อุปชฺฌายสฺส อาปตฺติสามนฺตา ภณมานสฺส จ นิวารณํ, นิวตฺตนฺเตน ปมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนปฺาปนํ, ปาโททกปาทปีปาทกถลิกานํ อุปนิกฺขิปนํ, ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ, ปฏินิวาสนทานํ, นิวาสนปฏิคฺคหณํ, สเจ จีวรํ สินฺนํ โหติ, มุหุตฺตํ อุณฺเห โอตาปนํ, เนว อุณฺเห จีวรสฺส นิทหนํ, มชฺเฌ ยถา ภงฺโค น โหติ, เอวํ จตุรงฺคุลํ กณฺณํ อุสฺสาเรตฺวา จีวรสฺส สงฺฆรณํ, โอโภเค กายพนฺธนสฺส กรณํ, สเจ ปิณฺฑปาโต โหติ, อุปชฺฌาโย จ ภฺุชิตุกาโม โหติ, อุทกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส อุปนามนํ, อุปชฺฌายสฺส ปานีเยน ปุจฺฉนํ, ภุตฺตาวิสฺส อุทกํ ทตฺวา ปตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา มุหุตฺตํ อุณฺเห โอตาปนํ, น จ อุณฺเห ปตฺตสฺส นิทหนํ, ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ –
ปตฺตํ นิกฺขิปนฺเตน เอเกน หตฺเถน ปตฺตํ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน เหฏฺามฺจํ วา เหฏฺาปีํ วา ปรามสิตฺวา ปตฺตสฺส นิกฺขิปนํ, น จ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา ปตฺตสฺส นิกฺขิปนํ, จีวรํ นิกฺขิปนฺเตน เอเกน หตฺเถน จีวรํ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน จีวรวํสํ วา จีวรรชฺชุํ วา ปมชฺชิตฺวา ปารโต อนฺตํ โอรโต โภคํ กตฺวา จีวรสฺส นิกฺขิปนํ, อุปชฺฌายมฺหิ วุฏฺิเต อาสนสฺส อุทฺธรณํ, ปาโททกปาทปีปาทกถลิกานํ ปฏิสามนํ, สเจ โส เทโส อุกฺลาโป โหติ, ตสฺส สมฺมชฺชนํ, สเจ อุปชฺฌาโย นฺหายิตุกาโม โหติ, นฺหานสฺส ปฏิยาทนํ, สเจ สีเตน อตฺโถ โหติ, สีตสฺส สเจ อุณฺเหน อตฺโถ โหติ, อุณฺหสฺส ปฏิยาทนํ, สเจ อุปชฺฌาโย ชนฺตาฆรํ ปวิสิตุกาโม โหติ, จุณฺณสฺส ¶ สนฺนยนํ, มตฺติกาเตมนํ, ชนฺตาฆรปีํ อาทาย อุปชฺฌายสฺส ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คนฺตฺวา ชนฺตาฆรปีํ ทตฺวา จีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, จุณฺณทานํ, มตฺติกาทานํ, สเจ อุสฺสหติ, ชนฺตาฆรํ ปวิสิตพฺพํ –
ชนฺตาฆรํ ปวิสนฺเตน มตฺติกาย มุขํ มกฺเขตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ชนฺตาฆรปฺปเวโส, น เถรานํ ภิกฺขูนํ อนุปขชฺช นิสีทนํ, น นวานํ ภิกฺขูนํ อาสเนน ปฏิพาหนํ, ชนฺตาฆเร อุปชฺฌายสฺส ปริกมฺมสฺส กรณํ, ชนฺตาฆรา นิกฺขมนฺเตน ชนฺตาฆรปีํ อาทาย ¶ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ชนฺตาฆรา นิกฺขมนํ, อุทเกปิ อุปชฺฌายสฺส ปริกมฺมกรณํ, นฺหาเตน ปมตรํ อุตฺตริตฺวา อตฺตโน คตฺตํ โวทกํ กตฺวา นิวาเสตฺวา อุปชฺฌายสฺส คตฺตโต อุทกสฺส ปมชฺชนํ, นิวาสนทานํ, สงฺฆาฏิทานํ, ชนฺตาฆรปีํ อาทาย ปมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนสฺส ปฺาปนํ, ปาโททกปาทปีปาทกถลิกานํ อุปนิกฺขิปนํ, อุปชฺฌายสฺส ปานีเยน ปุจฺฉนํ, สเจ อุทฺทิสาเปตุกาโม โหติ, อุทฺทิสาปนํ, สเจ ปริปุจฺฉิตุกาโม โหติ, ปริปุจฺฉนํ, ยสฺมึ วิหาเร อุปชฺฌาโย วิหรติ, สเจ โส วิหาโร อุกฺลาโป โหติ, สเจ อุสฺสหติ, ตสฺส โสธนํ, วิหารํ โสเธนฺเตน ปมํ ปตฺตจีวรสฺส นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, นิสีทนปจฺจตฺถรณสฺส นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, ภิสิพิพฺโพหนสฺส นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, มฺจสฺส นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน อสงฺฆฏฺเฏนฺเตน กวาฏปีํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, ปีสฺส นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน อสงฺฆฏฺเฏนฺเตน กวาฏปีํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, มฺจปฏิปาทกานํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, เขฬมลฺลกสฺส นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, อปสฺเสนผลกสฺส นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ, ภูมตฺถรณสฺส ยถาปฺตฺตสฺส สลฺลกฺเขตฺวา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปนํ ¶ , สเจ วิหาเร สนฺตานกํ โหติ, อุลฺโลกา ปมํ โอหารณํ, อาโลกสนฺธิกณฺณภาคานํ ปมชฺชนํ, สเจ เครุกปริกมฺมกตา ภิตฺติ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชนํ, สเจ กาฬวณฺณกตา ภูมิ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชนํ, สเจ อกตา โหติ ภูมิ, อุทเกน ปริปฺโผสิตฺวา ปมชฺชนํ ‘‘มา วิหาโร รเชน อุหฺี’’ติ, สงฺการํ วิจินิตฺวา เอกมนฺตํ ฉฑฺฑนํ, ภูมตฺถรณสฺส โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา อติหริตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฺาปนํ, มฺจปฏิปาทกานํ โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฏฺาเน ปนํ, มฺจสฺส โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน อสงฺฆฏฺเฏนฺเตน กวาฏปีํ อติหริตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฺาปนํ, ปีสฺส โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฏิฆํสนฺเตน อสงฺฆฏฺเฏนฺเตน กวาฏปีํ อติหริตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฺาปนํ, ภิสิพิพฺโพหนสฺส โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา อติหริตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฺาปนํ, นิสีทนปจฺจตฺถรณสฺส โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา อติหริตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฺาปนํ, เขฬมลฺลกสฺส โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฏฺาเน ปนํ, อปสฺเสนผลกสฺส โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฏฺาเน ปนํ, ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ –
ปตฺตํ ¶ นิกฺขิปนฺเตน เอเกน หตฺเถน ปตฺตํ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน เหฏฺามฺจํ วา เหฏฺาปีํ วา ปรามสิตฺวา ปตฺตสฺส นิกฺขิปนํ, น จ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา ปตฺตสฺส นิกฺขิปนํ, จีวรํ นิกฺขิปนฺเตน เอเกน หตฺเถน จีวรํ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน ¶ จีวรวํสํ วา จีวรรชฺชุํ วา ปมชฺชิตฺวา ปารโต อนฺตํ โอรโต โภคํ กตฺวา จีวรสฺส นิกฺขิปนํ, สเจ ปุรตฺถิมาย สรชา วาตา วายนฺติ, ปุรตฺถิมานํ วาตปานานํ ถกนํ, ตถา ปจฺฉิมานํ, ตถา อุตฺตรานํ, ตถา ทกฺขิณานํ วาตปานานํ ถกนํ, สเจ สีตกาโล โหติ, ทิวา วาตปานานํ วิวรณํ, รตฺตึ ถกนํ, สเจ อุณฺหกาโล โหติ, ทิวา วาตปานานํ ถกนํ, รตฺตึ วิวรณํ, สเจ ปริเวณํ อุกฺลาปํ โหติ, ปริเวณสฺส สมฺมชฺชนํ, สเจ โกฏฺโก อุกฺลาโป โหติ, โกฏฺกสฺส สมฺมชฺชนํ, สเจ อุปฏฺานสาลา อุกฺลาปา โหติ, ตสฺสา สมฺมชฺชนํ, สเจ อคฺคิสาลา อุกฺลาปา โหติ, ตสฺสา สมฺมชฺชนํ, สเจ วจฺจกุฏิ อุกฺลาปา โหติ, ตสฺสา สมฺมชฺชนํ, สเจ ปานียํ น โหติ, ปานียสฺส อุปฏฺาปนํ, สเจ ปริโภชนียํ น โหติ, ปริโภชนียสฺส อุปฏฺาปนํ, สเจ อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ น โหติ, อาจมนกุมฺภิยา อุทกสฺส อาสิฺจนํ, สเจ อุปชฺฌายสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, สทฺธิวิหาริเกน วูปกาสนํ วูปกาสาปนํ วา, ธมฺมกถาย วา ตสฺส กรณํ, สเจ อุปชฺฌายสฺส กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน วิโนทนํ วิโนทาปนํ วา, ธมฺมกถาย วา ตสฺส กรณํ, สเจ อุปชฺฌายสฺส ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน วิเวจนํ วิเวจาปนํ วา, ธมฺมกถาย วา ตสฺส กรณํ, สเจ อุปชฺฌาโย ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน โหติ ปริวาสารโห, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกกรณํ ‘‘กินฺติ นุ โข สงฺโฆ อุปชฺฌายสฺส ปริวาสํ ทเทยฺยา’’ติ, สเจ อุปชฺฌาโย มูลายปฏิกสฺสนารโห โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกกรณํ ‘‘กินฺติ ¶ นุ โข สงฺโฆ อุปชฺฌายํ มูลาย ปฏิกสฺเสยฺยา’’ติ, สเจ อุปชฺฌาโย มานตฺตารโห โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกกรณํ ‘‘กินฺติ นุ โข สงฺโฆ อุปชฺฌายสฺส มานตฺตํ ทเทยฺยา’’ติ, สเจ อุปชฺฌาโย อพฺภานารโห โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกกรณํ ‘‘กินฺติ นุ โข สงฺโฆ อุปชฺฌายํ อพฺเภยฺยา’’ติ, สเจ สงฺโฆ อุปชฺฌายสฺส กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ ตชฺชนียํ วา นิยสฺสํ วา ปพฺพาชนียํ วา ปฏิสารณียํ วา อุกฺเขปนียํ วา, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกกรณํ ‘‘กินฺติ นุ โข สงฺโฆ อุปชฺฌายสฺส กมฺมํ น กเรยฺย, ลหุกาย วา ปริณาเมยฺยา’’ติ, กตํ วา ปนสฺส โหติ สงฺเฆน กมฺมํ ตชฺชนียํ วา นิยสฺสํ วา ปพฺพาชนียํ วา ปฏิสารณียํ วา อุกฺเขปนียํ วา, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกกรณํ ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌาโย สมฺมา วตฺเตยฺย, โลมํ ปาเตยฺย, เนตฺถารํ วตฺเตยฺย, สงฺโฆ ตํ กมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺยา’’ติ, สเจ อุปชฺฌายสฺส จีวรํ โธวิตพฺพํ โหติ ¶ , สทฺธิวิหาริเกน โธวนํ อุสฺสุกฺกกรณํ วา ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌายสฺส จีวรํ โธวิเยถา’’ติ, สเจ อุปชฺฌายสฺส จีวรํ กาตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน กรณํ อุสฺสุกฺกกรณํ วา ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌายสฺส จีวรํ กริเยถา’’ติ, สเจ อุปชฺฌายสฺส รชนํ ปจิตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน ปจนํ อุสฺสุกฺกกรณํ วา ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌายสฺส รชนํ ปจิเยถา’’ติ, สเจ อุปชฺฌายสฺส จีวรํ รเชตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน รชนํ อุสฺสุกฺกกรณํ วา ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌายสฺส จีวรํ รชิเยถา’’ติ, จีวรํ รชนฺเตน สาธุกํ สมฺปริวตฺตกํ สมฺปริวตฺตกํ รชนํ, น จ อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมนํ, อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา น เอกจฺจสฺส ปตฺตทานํ, น เอกจฺจสฺส ปตฺตปฏิคฺคหณํ, น เอกจฺจสฺส จีวรทานํ, น เอกจฺจสฺส จีวรปฏิคฺคหณํ, น เอกจฺจสฺส ปริกฺขารทานํ, น เอกจฺจสฺส ปริกฺขารปฏิคฺคหณํ, น เอกจฺจสฺส เกสจฺเฉทนํ, น เอกจฺเจน เกสานํ เฉทาปนํ, น เอกจฺจสฺส ปริกมฺมกรณํ, น เอกจฺเจน ปริกมฺมสฺส การาปนํ, น เอกจฺจสฺส เวยฺยาวจฺจกรณํ, น เอกจฺเจน เวยฺยาวจฺจสฺส ¶ การาปนํ, น เอกจฺจสฺส ปจฺฉาสมเณน คมนํ, น เอกจฺจสฺส ปจฺฉาสมณสฺส อาทานํ, น เอกจฺจสฺส ปิณฺฑปาตสฺส นีหรณํ, น เอกจฺเจน ปิณฺฑปาตนีหราปนํ, น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา คามปฺปเวสนํ, น สุสานคมนํ, น ทิสาปกฺกมนํ, สเจ อุปชฺฌาโย คิลาโน โหติ, ยาวชีวํ อุปฏฺานํ, วุฏฺานมสฺส อาคมนนฺติ เตสุ กานิจิ วตฺตานิ สวิภตฺติกานิ, กานิจิ อวิภตฺติกานิ, เตสุ อวิภตฺติกานํ วิภาเค วุจฺจมาเน ยถาวุตฺตคณนาย อติเรกตรานิ โหนฺติ, ตํ ปน วิภาคํ อนามสิตฺวา ปิณฺฑวเสน คเหตฺวา ยถา อยํ คณนา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา.
๒๔๗๖. อกโรนฺตสฺสาติ เอตฺถ ‘‘วตฺต’’นฺติ เสโส. อนาทรวเสเนว วตฺตํ อกโรนฺตสฺส ภิกฺขุโน เตน วตฺตเภเทน วตฺตากรเณน สพฺพตฺถ สตฺตตึสาธิกสตปฺปเภทฏฺาเน ตตฺตกํเยว ทุกฺกฏํ ปกาสิตนฺติ โยชนา.
อุปชฺฌายาจริยวตฺตกถาวณฺณนา.
๒๔๗๗. เอวํ อุปชฺฌายาจริยวตฺตานิ สงฺเขเปน ทสฺเสตฺวา อุปชฺฌายาจริเยหิ สทฺธิวิหาริกนฺเตวาสีนํ กาตพฺพวตฺตานิ ทสฺเสตุมาห ‘‘อุปชฺฌายสฺส วตฺตานี’’ติอาทิ. อุปชฺฌายสฺส วตฺตานีติ อุปชฺฌาเยน สทฺธิวิหาริกสฺส ยุตฺตปตฺตกาเล กตฺตพฺพตฺตา อุปชฺฌายายตฺตวตฺตานีติ ¶ อตฺโถ. ตถา สทฺธิวิหาริเกติ ยถา สทฺธิวิหาริเกน อุปชฺฌายสฺส กาตพฺพานิ, ตถา อุปชฺฌาเยน สทฺธิวิหาริเก กาตพฺพานิ.
อุปชฺฌายาจริยวตฺเตสุ คามปฺปเวเส ปจฺฉาสมเณน หุตฺวา นาติทูรนจฺจาสนฺนคมนํ, น อนฺตรนฺตรา กถาโอปาตนํ, อาปตฺติสามนฺตา ภณมานสฺส นิวารณํ, ปตฺตปริยาปนฺนปฏิคฺคหณนฺติ จตฺตาริ วตฺตานิ, น เอกจฺจสฺส ปตฺตทานาทิอนาปุจฺฉาทิสาปกฺกมนาวสานานิ วีสติ ปฏิกฺเขปา เจติ เอตานิ ¶ จตุวีสติ วตฺตานิ เปตฺวา อวเสสานิ เตรสาธิกสตวตฺตานิ สนฺธายาห ‘‘สตํ เตรส โหนฺเตวา’’ติ, เตรสาธิกสตวตฺตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. อาจริเยน อนฺเตวาสิเกปิ จ กาตพฺพวตฺตานิ ตถา ตตฺตกาเนวาติ อตฺโถ.
สทฺธิวิหาริกนฺเตวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา.
๒๔๗๘. อุปชฺฌายาจริเยหิ สทฺธิวิหาริกนฺเตวาสิกานํ นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปการํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ปกฺกนฺเต วาปี’’ติอาทิ. ปกฺกนฺเต วาปิ วิพฺภนฺเต วาปิ ปกฺขสงฺกนฺเต วาปิ มเต วาปิ อาณตฺติยา วาปิ เอวํ ปฺจธา อุปชฺฌายา สทฺธิวิหาริเกน คหิโต นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ โยชนา. ปกฺกนฺเตติ ตทหุ อปจฺจาคนฺตุกามตาย ทิสํ คเต. วิพฺภนฺเตติ คิหิภาวํ ปตฺเต. ปกฺขสงฺกนฺตเกติ ติตฺถิยายตนํ คเต. มเตติ กาลกเต. อาณตฺติยาติ นิสฺสยปณามเนน.
๒๔๗๙-๘๐. อาจริยมฺหาปิ อนฺเตวาสิเกน คหิตนิสฺสยสฺส เภทนํ ฉธา ฉปฺปกาเรน โหตีติ โยชนา. กถนฺติ อาห ‘‘ปกฺกนฺเต จา’’ติอาทิ. ตํ อุปชฺฌายโต นิสฺสยเภเท วุตฺตนยเมว. วิเสสํ ปน สยเมว วกฺขติ ‘‘อาณตฺติย’’นฺติอาทินา. อาณตฺติยนฺติ เอตฺถ วิเสสตฺถโชตโก ปน-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. อุภินฺนมฺปิ ธุรนิกฺเขปเนปิ จาติ อาจริยสฺส นิสฺสยปณามเน ปน อุภินฺนํ อาจริยนฺเตวาสิกานํเยว อฺมฺนิราลยภาเว สติ นิสฺสยเภโท โหติ, น เอกสฺสาติ อตฺโถ. ตเมวตฺถํ พฺยติเรกโต ทฬฺหีกโรติ ‘‘เอเกกสฺสา’’ติอาทินา. เอเกกสฺส วา อุภินฺนํ วา อาลเย สติ น ภิชฺชตีติ โยชนา. ยถาห –
‘‘อาณตฺติยํ ¶ ¶ ปน สเจปิ อาจริโย มฺุจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมติ, อนฺเตวาสิโก จ ‘กิฺจาปิ มํ อาจริโย ปณาเมติ, อถ โข หทเยน มุทุโก’ติ สาลโยว โหติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติเยว. สเจปิ อาจริโย สาลโย, อนฺเตวาสิโก นิราลโย ‘น ทานิ อิมํ นิสฺสาย วสิสฺสามี’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวมฺปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อุภินฺนํ สาลยภาเว ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภติเยว. อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๘๓).
อยํ ปน วิเสโส อาจริยาณตฺติยา นิสฺสยเภเทเยว ทสฺสิโต, น อุปชฺฌายาณตฺติยา. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘สเจปิ อาจริโย มฺุจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมตีติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส อาณตฺติยมฺปิ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
๒๔๘๑. เอวํ ปฺจ สาธารณงฺคานิ ทสฺเสตฺวา อสาธารณงฺคํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อุปชฺฌายสโมธาน-คตสฺสาปิ จ ภิชฺชตี’’ติ. ตตฺถ สโมธานคมนํ สรูปโต, ปเภทโต จ ทสฺเสตุมาห ‘‘ทสฺสนํ สวนฺจาติ, สโมธานํ ทฺวิธา มต’’นฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๘๓) คเหตพฺโพ. คนฺถวิตฺถารภีรูนํ อนุคฺคหาย ปน อิธ น วิตฺถาริโต.
๒๔๘๒-๓. สภาเค ทายเก อสนฺเต อทฺธิกสฺส จ คิลานสฺส จ ‘‘คิลาเนน มํ อุปฏฺหา’’ติ ยาจิตสฺส คิลานุปฏฺากสฺส จ นิสฺสยํ วินา วสิตุํ โทโส นตฺถีติ โยชนา ¶ . ‘‘คิลานุปฏฺากสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน รสฺสตฺตํ. อิมินา สภาเค นิสฺสยทายเก สนฺเต เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร น ลพฺภตีติ ทีเปติ. อตฺตโน วเน ผาสุวิหารตํ ชานตาติ อตฺตโน สมถวิปสฺสนาปฏิลาภสฺส วเน ผาสุวิหารํ ชานนฺเตนปิ. ‘‘สภาเค ทายเก อสนฺเต’’ติ ปทจฺเฉโท. สพฺพเมตํ วิธานํ อนฺโตวสฺสโต อฺสฺมึ กาเล เวทิตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย คเหตพฺโพ.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสมฺภนกถาวณฺณนา.
๒๔๘๔. กุฏฺมสฺส ¶ อตฺถีติ กุฏฺี, ตํ. ‘‘คณฺฑิ’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. รตฺตเสตาทิเภเทน เยน เกนจิ กุฏฺเน เววณฺณิยํ ปตฺตสรีรนฺติ อตฺโถ. ยถาห –
‘‘รตฺตกุฏฺํ วา โหตุ กาฬกุฏฺํ วา, ยํ กิฺจิ กิฏิภททฺทุกจฺฉุอาทิปฺปเภทมฺปิ สพฺพํ กุฏฺเมวาติ วุตฺตํ. ตฺเจ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ โหติ, น ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ โหติ, วฏฺฏติ. มุเข, ปน หตฺถปาทปิฏฺเสุ วา สเจปิ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ นขปิฏฺิโต ขุทฺทกปมาณมฺปิ น วฏฺฏติเยวาติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ. ตํ ติกิจฺฉาเปตฺวา ปพฺพาเชนฺเตนาปิ ปกติวณฺเณ ชาเตเยว ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๘๘).
นขปิฏฺิปฺปมาณนฺติ เอตฺถ ‘‘กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
คณฺฑินฺติ ¶ เมทคณฺฑาทิคณฺฑเภทวนฺตํ. ยถาห ‘‘เมทคณฺโฑ วา โหตุ อฺโ วา, โย โกจิ โกลฏฺิมตฺตโกปิ เจ วฑฺฒนกปกฺเข ิโต คณฺโฑ โหติ, น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทิ (มหาว. อฏฺ. ๘๘). โกลฏฺีติ พทรฏฺิ. กิลาสินฺติ กิลาสวนฺตํ. ยถาห – ‘‘กิลาโสติ นภิชฺชนกํ นปคฺฆรณกํ ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณํ กุฏฺํ, เยน คุนฺนํ วิย สพลํ สรีรํ โหตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๘๘). จ-สทฺโท สพฺเพหิ อุปโยควนฺเตหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. โสสินฺติ ขยโรควนฺตํ. ยถาห – ‘‘โสโสติ โสสพฺยาธิ. ตสฺมึ สติ น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๘๘). อปมาริกนฺติ อปมารวนฺตํ. ยถาห – ‘‘อปมาโรติ ปิตฺตุมฺมาโร วา ยกฺขุมฺมาโร วา. ตตฺถ ปุพฺพเวริเกน อมนุสฺเสน คหิโต ทุตฺติกิจฺโฉ โหติ, อปฺปมตฺตเกปิ ปน อปมาเร สติ น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ.
ราชภฏนฺติ รฺโ ภตฺตเวตนภฏํ วา านนฺตรํ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ราชปุริสํ. ยถาห – ‘‘อมจฺโจ วา โหตุ มหามตฺโต วา เสวโก วา กิฺจิ านนฺตรํ ปตฺโต วา อปฺปตฺโต วา, โย โกจิ รฺโ ภตฺตเวตนภโฏ. สพฺโพ ‘ราชภโฏ’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ. โจรนฺติ มนุสฺเสหิ อปฺปมาทนํ คามฆาตปนฺถฆาตาทิกมฺเมน ปากฏํ โจรฺจ. ลิขิตกนฺติ ยํ กฺจิ โจริกํ วา อฺํ วา ครุํ ราชาปราธํ กตฺวา ปลาตํ, ราชา จ นํ ปณฺเณ วา โปตฺถเก วา ‘‘อิตฺถนฺนาโม ¶ ยตฺถ ทิสฺสติ, ตตฺถ คเหตฺวา มาเรตพฺโพ’’ติ วา ‘‘หตฺถปาทาทีนิสฺส ฉินฺทิตพฺพานี’’ติ วา ‘‘เอตฺตกํ นาม ทณฺฑํ หราเปตพฺโพ’’ติ วา ลิขาเปติ, เอวรูปํ ลิขิตกํ.
‘‘การเภทก’’นฺติ คาถาพนฺธวเสน รสฺโส กโต. การเภทกนฺติ ทาตพฺพกรสฺส วา กตโจรกมฺมสฺส วา การณา ¶ การาฆเร ปกฺขิตฺโต วา นิคฬพนฺธนาทีหิ พทฺโธ วา, ตโต โส มุจฺจิตฺวา ปลายติ, เอวรูปํ การาเภทกฺจ. ยถาห – ‘‘การา วุจฺจติ พนฺธนาคารํ, อิธ ปน อนฺทุพนฺธนํ วา โหตุ สงฺขลิกพนฺธนํ วา รชฺชุพนฺธนํ วา คามพนฺธนํ วา นิคมพนฺธนํ วา นครพนฺธนํ วา ปุริสคุตฺติ วา ชนปทพนฺธนํ วา ทีปพนฺธนํ วา, โย เอเตสุ ยํ กิฺจิ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ภินฺทิตฺวา มฺุจิตฺวา วิวริตฺวา วา ปสฺสมานานํ วา อปสฺสมานานํ วา ปลายติ, โส ‘การาเภทโก’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๙๒).
๒๔๘๕. กสาหตนฺติ อิณํ คเหตฺวา ทาตุํ อสมตฺถตฺตา ‘‘อยเมว เต ทณฺโฑ โหตู’’ติ กสาทินา ทินฺนปฺปหารํ อวูปสนฺตวณํ. ยถาห –
‘‘โย วจนเปสนาทีนิ อกโรนฺโต หฺติ, น โส กตทณฺฑกมฺโม. โย ปน เกณิยา วา อฺถา วา กิฺจิ คเหตฺวา ขาทิตฺวา ปุน ทาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘อยเมว เต ทณฺโฑ โหตู’ติ กสาหิ หฺติ, อยํ กสาหโต กตทณฺฑกมฺโม. โย จ กสาหิ วา หโต โหตุ อทฺธทณฺฑกาทีนํ วา อฺตเรน, ยาว อลฺลวโณ โหติ, ตาว น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๙๔).
ลกฺขณาหตนฺติ เอกํสํ กตฺวา ปารุเตน อุตฺตราสงฺเคน อปฺปฏิจฺฉาทนียฏฺาเน ตตฺเตน โลเหน อาหตํ อสจฺฉวิภูตลกฺขเณน สมนฺนาคตํ. ยถาห –
‘‘ยสฺส ปน นลาเฏ วา อุราทีสุ วา ตตฺเตน โลเหน ลกฺขณํ อาหตํ โหติ, โส สเจ ภุชิสฺโส, ยาว อลฺลวโณ โหติ, ตาว น ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจปิสฺส วณา รุฬฺหา โหนฺติ ฉวิยา ¶ สมปริจฺเฉทา, ลกฺขณํ ปน ปฺายติ, ติมณฺฑลํ นิวตฺถสฺส อุตฺตราสงฺเค ¶ กเต ปฏิจฺฉนฺโนกาเส เจ โหติ, ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. อปฺปฏิจฺฉนฺโนกาเส เจ, น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๙๕).
อิณายิกฺจาติ มาตาปิตุปิตามหาทีหิ วา อตฺตนา วา คหิตอิณํ. ยถาห –
‘‘อิณายิโก นาม ยสฺส ปิติปิตามเหหิ วา อิณํ คหิตํ โหติ, สยํ วา อิณํ คหิตํ โหติ, ยํ วา อาเปตฺวา มาตาปิตูหิ กิฺจิ คหิตํ โหติ, โส ตํ อิณํ ปเรสํ ธาเรตีติ อิณายิโก. ยํ ปน อฺเ าตกา อาเปตฺวา กิฺจิ คณฺหนฺติ, โส น อิณายิโก. น หิ เต ตํ อาเปตุํ อิสฺสรา. ตสฺมา ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๙๖).
ทาสนฺติ อนฺโตชาโต, ธนกฺกีโต, กรมรานีโต, สยํ วา ทาสพฺยํ อุปคโตติ จตุนฺนํ ทาสานํ อฺตรํ. ทาสวินิจฺฉโย ปเนตฺถ สมนฺตปาสาทิกาย (มหาว. อฏฺ. ๙๗) วิตฺถารโต คเหตพฺโพ. ปพฺพาเชนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ‘‘กุฏฺิ’’นฺติอาทีหิ อุปโยควนฺตปเทหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ.
๒๔๘๖. หตฺถจฺฉินฺนนฺติ หตฺถตเล วา มณิพนฺเธ วา กปฺปเร วา ยตฺถ กตฺถจิ ฉินฺนหตฺถํ. อฏฺจฺฉินฺนนฺติ ยถา นขํ น ปฺายติ, เอวํ จตูสุ องฺคุฏฺเกสุ อฺตรํ วา สพฺเพ วา ยสฺส ฉินฺนา โหนฺติ, เอวรูปํ. ปาทจฺฉินฺนนฺติ ยสฺส อคฺคปาเทสุ วา โคปฺผเกสุ วา ชงฺฆาย วา ยตฺถ กตฺถจิ เอโก วา ทฺเว วา ปาทา ฉินฺนา โหนฺติ. หตฺถปาทฉินฺนสฺสาปิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๑๙) อาคตตฺตา โสปิ อิธ วตฺตพฺโพ, ยถาวุตฺตนเยเนว ตสฺส ทุกฺกฏวตฺถุตา ปฺายตีติ น วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
กณฺณนาสงฺคุลิจฺฉินฺนนฺติ ¶ เอตฺถ ‘‘กณฺณจฺฉินฺนํ นาสจฺฉินฺนํ กณฺณนาสจฺฉินฺนํ องฺคุลิจฺฉินฺน’’นฺติ โยชนา. กณฺณจฺฉินฺนนฺติ ยสฺส กณฺณมูเล วา กณฺณสกฺขลิกาย วา เอโก วา ทฺเว วา กณฺณา ฉินฺนา โหนฺติ. ยสฺส ปน กณฺณาวฏฺเฏ ฉินฺนา โหนฺติ, สกฺกา จ โหนฺติ สงฺฆาเฏตุํ, โส กณฺณํ สงฺฆาเฏตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. นาสจฺฉินฺนนฺติ ยสฺส อชปทเก วา อคฺเค วา เอกปุเฏ วา ยตฺถ กตฺถจิ นาสา ฉินฺนา โหติ. ยสฺส ปน นาสิกา สกฺกา โหติ สนฺเธตุํ, โส ¶ ตํ ผาสุกํ กตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. กณฺณนาสจฺฉินฺนนฺติ ตทุภยจฺฉินฺนํ. องฺคุลิจฺฉินฺนนฺติ ยสฺส นขเสสํ อทสฺเสตฺวา เอกา วา พหู วา องฺคุลิโย ฉินฺนา โหนฺติ. ยสฺส ปน สุตฺตตนฺตุมตฺตมฺปิ นขเสสํ ปฺายติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. กณฺฑรจฺฉินฺนเมว จาติ ยสฺส กณฺฑรนามกา มหานฺหารู ปุรโต วา ปจฺฉโต วา ฉินฺนา โหนฺติ, เยสุ เอกสฺสาปิ ฉินฺนตฺตา อคฺคปาเทน วา จงฺกมติ, มูเลน วา จงฺกมติ, น วา ปาทํ ปติฏฺาเปตุํ สกฺโกติ.
๒๔๘๗. กาณนฺติ ปสนฺนนฺโธ วา โหตุ ปุปฺผาทีหิ วา อุปหตปสาโท, โย ทฺวีหิ วา เอเกน วา อกฺขินา น ปสฺสติ, ตํ กาณํ. กุณินฺติ หตฺถกุณี วา ปาทกุณี วา องฺคุลิกุณี วา, ยสฺส เอเตสุ หตฺถาทีสุ ยํ กิฺจิ วงฺกํ ปฺายติ, โส กุณี. ขุชฺชฺจาติ โย อุรสฺส วา ปิฏฺิยา วา ปสฺสสฺส วา นิกฺขนฺตตฺตา ขุชฺชสรีโร, ตํ ขุชฺชํ. ยสฺส ปน กิฺจิ กิฺจิ องฺคปจฺจงฺคํ อีสกํ วงฺกํ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. มหาปุริโส เอว หิ พฺรหฺมุชุคตฺโต, อวเสโส สตฺโต อขุชฺโช นาม นตฺถิ.
วามนนฺติ โย ชงฺฆวามโน วา กฏิวามโน วา อุภยวามโน วา, ตํ. ตตฺถ ชงฺฆวามนสฺส กฏิโต ปฏฺาย เหฏฺิมกาโย ¶ รสฺโส โหติ, อุปริมกาโย ปริปุณฺโณ. กฏิวามนสฺส กฏิโต ปฏฺาย อุปริมกาโย รสฺโส โหติ, เหฏฺิมกาโย ปริปุณฺโณ โหติ. อุภยวามนสฺส อุโภปิ กายา รสฺสา โหนฺติ. เยสํ กายรสฺสตฺตา ภูตานํ วิย ปริวฏุโม มหากุจฺฉิฆฏสทิโส อตฺตภาโว โหติ. ตํ ติวิธมฺปิ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ.
ผณหตฺถกนฺติ ยสฺส วคฺคุลิปกฺขกา วิย องฺคุลิโย สมฺพทฺธา โหนฺติ, ตํ. เอตํ ปพฺพาเชตุกาเมน องฺคุลนฺตริกาโย ผาเลตฺวา สพฺพํ อนฺตรจมฺมํ อปเนตฺวา ผาสุกํ กตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. ยสฺสาปิ ฉ องฺคุลิโย โหนฺติ, ตํ ปพฺพาเชตุกาเมน อธิกํ องฺคุลึ ฉินฺทิตฺวา ผาสุกํ กตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ.
ขฺชนฺติ โย นตชาณุโก วา ภินฺนชงฺโฆ วา มชฺเฌ สํกุฏิตปาทตฺตา กุณฺฑปาทโก วา ปิฏฺิปาทมชฺเฌน จงฺกมนฺโต อคฺเค สํกุฏิตปาทตฺตา กุณฺฑปาทโก วา ปิฏฺิปาทคฺเคน จงฺกมนฺโต อคฺคปาเทเนว จงฺกมนขฺโช วา ปณฺหิกาย จงฺกมนขฺโช วา ปาทสฺส พาหิรนฺเตน จงฺกมนขฺโช วา ปาทสฺส อพฺภนฺตรนฺเตน จงฺกมนขฺโช วา โคปฺผกานํ อุปริ ภคฺคตฺตา สกเลน ¶ ปิฏฺิปาเทน จงฺกมนขฺโช วา, ตํ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ. เอตฺถ นตชาณุโกติ อนฺโตปวิฏฺอานตปาโท. ปกฺขหตนฺติ ยสฺส เอโก หตฺโถ วา ปาโท วา อฑฺฒสรีรํ วา สุขํ น วหติ.
สีปทินฺติ ภารปาทํ. ยสฺส ปาโท ถูโล โหติ สฺชาตปีฬโก ขโร, โส น ปพฺพาเชตพฺโพ. ยสฺส ปน น ตาว ขรภาวํ คณฺหาติ, สกฺกา โหติ อุปนาหํ พนฺธิตฺวา อุทกอาวาเฏ ปเวเสตฺวา อุทกวาลิกาย ปูเรตฺวา ¶ ยถา สิรา ปฺายนฺติ, ชงฺฆา จ เตลนาฬิกา วิย โหนฺติ, เอวํ มิลาเปตุํ สกฺกา, ตสฺส ปาทํ อีทิสํ กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปุน วฑฺฒติ, อุปสมฺปาเทนฺเตนาปิ ตถา กตฺวาว อุปสมฺปาเทตพฺโพ. ปาปโรคินนฺติ โย อริสภคนฺทรปิตฺตเสมฺหกาสโสสาทีสุ เยน เกนจิ โรเคน นิจฺจาตุโร อเตกิจฺฉโรโค เชคุจฺโฉ อมนาโป, ตํ.
๒๔๘๘. ชราย ทุพฺพลนฺติ โย ชิณฺณภาเวน ทุพฺพโล อตฺตโน จีวรรชนาทิกมฺมมฺปิ กาตุํ อสมตฺโถ, ตํ. โย ปน มหลฺลโกปิ พลวา โหติ อตฺตานํ ปฏิชคฺคิตุํ สกฺโกติ, โส ปพฺพาเชตพฺโพ. อนฺธนฺติ ชจฺจนฺธํ. ปธิรฺเจวาติ โย สพฺเพน สพฺพํ น สุณาติ, ตํ. โย ปน มหาสทฺทํ สุณาติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. มมฺมนนฺติ ยสฺส วจีเภโท วตฺตติ, สรณคมนํ ปริปุณฺณํ ภาสิตุํ น สกฺโกติ, ตาทิสํ มมฺมนมฺปิ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ. โย ปน สรณคมนมตฺตํ ปริปุณฺณํ ภาสิตุํ สกฺโกติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. อถ วา มมฺมนนฺติ ขลิตวจนํ, โย เอกเมว อกฺขรํ จตุปฺจกฺขตฺตุํ วทติ, ตสฺเสตมธิวจนํ. ปีสปฺปินฺติ ฉินฺนิริยาปถํ. มูคนฺติ ยสฺส วจีเภโท นปฺปวตฺตติ.
๒๔๘๙. อตฺตโน วิรูปภาเวน ปริสํ ทูเสนฺเตน ปริสทูสเก (มหาว. อฏฺ. ๑๑๙) ทสฺเสตุมาห ‘‘อติทีโฆ’’ติอาทิ. อติทีโฆติ อฺเสํ สีสปฺปมาณนาภิปฺปเทโส. อติรสฺโสติ วุตฺตปฺปกาโร อุภยวามโน วิย อติรสฺโส. อติกาโฬ วาติ ฌาปิตเขตฺเต ขาณุโก วิย อติกาฬวณฺโณ. มฏฺตมฺพโลหนิทสฺสโน อจฺโจทาโตปิ วาติ สมฺพนฺโธ, ทธิตกฺกาทีหิ มชฺชิตมฏฺตมฺพโลหวณฺโณ อตีว โอทาตสรีโรติ อตฺโถ.
๒๔๙๐. อติถูโล ¶ วาติ ภาริยมํโส มโหทโร มหาภูตสทิโส. อติกิโสติ มนฺทมํสโลหิโต ¶ อฏฺิสิราจมฺมสรีโร วิย. อติมหาสีโส วาติ โยชนา. อติมหาสีโส วาติ ปจฺฉึ สีเส กตฺวา ิโต วิย. ‘‘อติขุทฺทกสีเสน อสหิเตนา’’ติ ปทจฺเฉโท. อสหิเตนาติ สรีรสฺส อนนุรูเปน. ‘‘อติขุทฺทกสีเสนา’’ติ เอตสฺส วิเสสนํ. อสหิเตน อติขุทฺทกสีเสน สมนฺนาคโตติ โยชนา. ยถาห – ‘‘อติขุทฺทกสีโส วา สรีรสฺส อนนุรูเปน อติขุทฺทเกน สีเสน สมนฺนาคโต’’ติ.
๒๔๙๑. กุฏกุฏกสีโสติ ตาลผลปิณฺฑิสทิเสน สีเสน สมนฺนาคโต. สิขรสีสโกติ อุทฺธํ อนุปุพฺพตนุเกน สีเสน สมนฺนาคโต, มตฺถกโต สํกุฏิโก มูลโต วิตฺถโต หุตฺวา ิตปพฺพตสิขรสทิสสีโสติ อตฺโถ. เวฬุนาฬิสมาเนนาติ มหาเวฬุปพฺพสทิเสน. สีเสนาติ ทีฆสีเสน. ยถาห – ‘‘นาฬิสีโส วา มหาเวฬุปพฺพสทิเสน สีเสน สมนฺนาคโต’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๙).
๒๔๙๒. กปฺปสีโสปีติ มชฺเฌ ทิสฺสมานอาวาเฏน หตฺถิกุมฺภสทิเสน ทฺวิธาภูตสีเสน สมนฺนาคโต. ปพฺภารสีโส วาติ จตูสุ ปสฺเสสุ เยน เกนจิ ปสฺเสน โอณเตน สีเสน สมนฺนาคโต. วณสีสโกติ วเณหิ สมนฺนาคตสีโส. กณฺณิกเกโส วาติ ปาณเกหิ ขายิตเกทาเร สสฺสสทิเสหิ ตหึ ตหึ อุฏฺิเตหิ เกเสหิ สมนฺนาคโต. ถูลเกโสปิ วาติ ตาลหีรสทิเสหิ เกเสหิ สมนฺนาคโต.
๒๔๙๓. ปูติสีโสติ ¶ ทุคฺคนฺธสีโส. นิลฺโลมสีโส วาติ โลมรหิตสีโส. ชาติปณฺฑรเกสโกติ ชาติผลิเตหิ ปณฺฑรเกโส วา. ชาติยา ตมฺพเกโส วาติ อาทิตฺเตหิ วิย ตมฺพวณฺเณหิ เกเสหิ สมนฺนาคโต. อาวฏฺฏสีสโกติ คุนฺนํ สรีเร อาวฏฺฏสทิเสหิ อุทฺธคฺเคหิ เกสาวฏฺเฏหิ สมนฺนาคโต.
๒๔๙๔. สีสโลเมกพทฺเธหิ ภมุเกหิ ยุโตปีติ สีสโลเมหิ สทฺธึ เอกาพทฺธโลเมหิ ภมุเกหิ สมนฺนาคโต. สมฺพทฺธภมุโก วาติ เอกาพทฺธอุภยภมุโก, มชฺเฌ สฺชาตโลเมหิ ภมุเกหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. นิลฺโลมภมุโกปิ วาติ ภมุโลมรหิโต. นิลฺโลมภมุโกปิ วาติ ปิ-สทฺเทน อวุตฺตสมุจฺจยตฺเถน มกฺกฏภมุโก สงฺคหิโต.
๒๔๙๕. มหนฺตขุทฺทเนตฺโต ¶ วาติ เอตฺถ เนตฺต-สทฺโท มหนฺตขุทฺท-สทฺเทหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ, มหนฺตเนตฺโต วา ขุทฺทกเนตฺโต วาติ อตฺโถ. มหนฺตเนตฺโต วาติ อติมหนฺเตหิ เนตฺเตหิ สมนฺนาคโต. ขุทฺทกเนตฺโต วาติ มหึสจมฺเม วาสิโกเณน ปหริตฺวา กตฉิทฺทสทิเสหิ อติขุทฺทกกฺขีหิ สมนฺนาคโต. วิสมโลจโนติ เอเกน มหนฺเตน, เอเกน ขุทฺทเกน อกฺขินา สมนฺนาคโต. เกกโร วาปีติ ติริยํ ปสฺสนฺโต. เอตฺถ อปิ-สทฺเทน นิกฺขนฺตกฺขึ สมฺปิณฺเฑติ, ยสฺส กกฺกฏกสฺเสว อกฺขิตารกา นิกฺขนฺตา โหนฺติ. คมฺภีรเนตฺโตติ ยสฺส คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา วิย อกฺขิตารกา ปฺายนฺติ. เอตฺถ จ อุทกตารกา นาม อุทกปุพฺพุฬํ. อกฺขิตารกาติ อกฺขิเคณฺฑกา. วิสมจกฺกโลติ เอเกน อุทฺธํ, เอเกน อโธติ เอวํ วิสมชาเตหิ อกฺขิจกฺเกหิ สมนฺนาคโต.
๒๔๙๖. ชตุกณฺโณ ¶ วาติ อติขุทฺทิกาหิ กณฺณสกฺขลีหิ สมนฺนาคโต. มูสิกกณฺโณ วาติ มูสิกานํ กณฺณสทิเสหิ กณฺเณหิ สมนฺนาคโต. หตฺถิกณฺโณปิ วาติ อนนุรูปาหิ มหนฺตาหิ หตฺถิกณฺณสทิสาหิ กณฺณสกฺขลีหิ สมนฺนาคโต. ฉิทฺทมตฺตกกณฺโณ วาติ ยสฺส วินา กณฺณสกฺขลีหิ กณฺณจฺฉิทฺทเมว โหติ. อวิทฺธกณฺณโกติ กณฺณพนฺธตฺถาย อวิทฺเธน กณฺเณน สมนฺนาคโต.
๒๔๙๗. ฏงฺกิตกณฺโณ วาติ โคภตฺตนาฬิกาย อคฺคสทิเสหิ กณฺเณหิ สมนฺนาคโต, โคหนุโกฏิสณฺาเนหิ กณฺเณหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ปูติกณฺโณปิ วาติ สทา ปคฺฆริตปุพฺเพน กณฺเณน สมนฺนาคโต. ปูติกณฺโณปีติ อปิ-สทฺเทน กณฺณภคนฺทริโก คหิโต. กณฺณภคนฺทริโกติ นิจฺจปูตินา กณฺเณน สมนฺนาคโต. อวิทฺธกณฺโณ ปริสทูสโก วุตฺโต, กถํ โยนกชาตีนํ ปพฺพชฺชาติ อาห ‘‘โยนกาทิปฺปเภโทปิ, นายํ ปริสทูสโก’’ติ, กณฺณาเวธนํ โยนกานํ สภาโว, อยํ โยนกาทิปฺปเภโท ปริสทูสโก น โหตีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๔๙๘. อติปิงฺคลเนตฺโตติ ¶ อติสเยน ปิงฺคเลหิ เนตฺเตหิ สมนฺนาคโต. มธุปิงฺคลํ ปน ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. นิปฺปขุมกฺขิ วาติ อกฺขิทลโรเมหิ วิรหิตอกฺขิโก. ปขุม-สทฺโท หิ โลเก อกฺขิทลโรเมสุ นิรุฬฺโห. อสฺสุปคฺฆรเนตฺโต วาติ ปคฺฆรณสฺสูหิ เนตฺเตหิ สมนฺนาคโต. ปกฺกปุปฺผิตโลจโนติ ปกฺกโลจโน ปุปฺผิตโลจโนติ โยชนา. ปริปกฺกเนตฺโต สฺชาตปุปฺผเนตฺโตติ อตฺโถ.
๒๔๙๙. มหานาโสติ สรีรสฺส อนนุรูปาย มหติยา นาสาย สมนฺนาคโต. อติขุทฺทกนาสิโกติ ตถา ¶ อติขุทฺทิกาย นาสาย สมนฺนาคโต. จิปิฏนาโส วาติ จิปิฏาย อนฺโต ปวิฏฺาย วิย อลฺลินาสาย สมนฺนาคโต. จิปิฏนาโส วาติ อวุตฺตวิกปฺปตฺเถน วา-สทฺเทน ทีฆนาสิโก สงฺคยฺหติ. โส จ สุกตุณฺฑสทิสาย ชิวฺหาย เลหิตุํ สกฺกุเณยฺยาย นาสิกาย สมนฺนาคโต. กุฏิลนาสิโกติ มุขมชฺเฌ อปฺปติฏฺหิตฺวา เอกปสฺเส ิตนาสิโก.
๒๕๐๐. นิจฺจวิสฺสวนาโส วาติ นิจฺจปคฺฆริตสิงฺฆาณิกนาโส วา. มหามุโขติ ยสฺส ปฏงฺคมณฺฑุกสฺเสว มุขนิมิตฺตํเยว มหนฺตํ โหติ, มุขํ ปน ลาพุสทิสํ อติขุทฺทกํ. ปฏงฺคมณฺฑุโก นาม มหามุขมณฺฑุโก. วงฺกภินฺนมุโข วาปีติ เอตฺถ ‘‘วงฺกมุโข วา ภินฺนมุโข วาปี’’ติ โยชนา. วงฺกมุโขติ ภมุกสฺส, นลาตสฺส วา เอกปสฺเส นินฺนตาย วงฺกมุโข. ภินฺนมุโข วาติ มกฺกฏสฺเสว ภินฺนมุโข. มหาโอฏฺโปิ วาติ อุกฺขลิมุขวฏฺฏิสทิเสหิ โอฏฺเหิ สมนฺนาคโต.
๒๕๐๑. ตนุกโอฏฺโ วาติ เภริจมฺมสทิเสหิ ทนฺเต ปิทหิตุํ อสมตฺเถหิ โอฏฺเหิ สมนฺนาคโต. เภริจมฺมสทิเสหีติ เภริมุขจมฺมสทิเสหิ. ตนุกโอฏฺโ วาติ เอตฺถ วา-สทฺเทน มหาธโรฏฺโ วา ตนุกอุตฺตโรฏฺโ วา ตนุกอธโรฏฺโ วาติ ตโย วิกปฺปา สงฺคหิตา. วิปุลุตฺตรโอฏฺโกติ มหาอุตฺตโรฏฺโ. โอฏฺฉินฺโนติ ยสฺส เอโก วา ทฺเว วา โอฏฺา ฉินฺนา โหนฺติ. อุปฺปกฺกมุโขติ ปกฺกมุโข. เอฬมุโขปิ วาติ นิจฺจปคฺฆรณมุโข.
๒๕๐๒-๓. สงฺขตุณฺโฑปีติ พหิ เสเตหิ อนฺโต อติรตฺเตหิ โอฏฺเหิ สมนฺนาคโต. ทุคฺคนฺธมุโขติ ทุคฺคนฺธกุณปมุโข. มหาทนฺโตปีติ อฏฺกทนฺตสทิเสหิ สมนฺนาคโต ¶ . อจฺจนฺตนฺติ อติสเยน. ‘‘เหฏฺา อุปริโต วาปิ, พหิ นิกฺขนฺตทนฺตโก’’ติ อิทํ ‘‘อสุรทนฺตโก’’ติ เอตสฺส อตฺถปทํ. อสุโรติ ทานโว. ‘‘สิปฺปิทนฺโต วา โอฏฺทนฺโต วา’’ติ คณฺิปเท ลิขิโต. ยสฺส ปน สกฺกา โหนฺติ โอฏฺเหิ ปิทหิตุํ, กเถนฺตสฺเสว ปฺายติ, โน อกเถนฺตสฺส, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. อทนฺโตติ ทนฺตรหิโต. ปูติทนฺโตติ ปูติภูเตหิ ทนฺเตหิ สมนฺนาคโต.
๒๕๐๔. ‘‘อติขุทฺทกทนฺตโก’’ติ อิมสฺส ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ อปวาโท. ยสฺส ทนฺตนฺตเร กาฬกทนฺตสนฺนิโภ ¶ กลนฺทกทนฺตสทิโส ทนฺโต สุขุโมว ิโต เจ, ตํ ตุ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา. ปพฺพาเชตุมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท ตุ-สทฺทตฺโถ.
๒๕๐๕. โย โปโสติ สมฺพนฺโธ. มหาหนุโกติ โคหนุสทิเสน หนุนา สมนฺนาคโต. ‘‘รสฺเสน หนุนา ยุโต’’ติ อิทํ ‘‘จิปิฏหนุโก วา’’ติ อิมสฺส อตฺถปทํ. ยถาห – ‘‘จิปิฏหนุโก วา อนฺโตปวิฏฺเน วิย อติรสฺเสน หนุเกน สมนฺนาคโต’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๙). จิปิฏหนุโก วาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน ‘‘ภินฺนหนุโก วา วงฺกหนุโก วา’’ติ วิกปฺปทฺวยํ สงฺคณฺหาติ.
๒๕๐๖. นิมฺมสฺสุทาิโก วาปีติ ภิกฺขุนิสทิสมุโข. อติทีฆคโลปิ วาติ พกคลสทิเสน คเลน สมนฺนาคโต. อติรสฺสคโลปิ วาติ อนฺโตปวิฏฺเน วิย คเลน สมนฺนาคโต. ภินฺนคโล วา คณฺฑคโลปิ วาติ โยชนา, ภินฺนคลฏฺิโก วา คณฺเฑน สมนฺนาคตคโลปิ วาติ อตฺโถ.
๒๕๐๗. ภฏฺํสกูโฏ ¶ วาติ มาตุคามสฺส วิย ภฏฺเน อํสกูเฏน สมนฺนาคโต. ภินฺนปิฏฺิ วา ภินฺนอุโรปิ วาติ โยชนา, สุทีฆหตฺโถ วา สุรสฺสหตฺโถ วาติ โยชนา, อติทีฆหตฺโถ วา อติรสฺสหตฺโถ วาติ อตฺโถ. วา-สทฺเทน อหตฺถเอกหตฺถานํ คหณํ. กจฺฉุสมายุโต วา กณฺฑุสมายุโต วาติ โยชนา. วา-สทฺเทน ‘‘ททฺทุคตฺโต วา โคธาคตฺโต วา’’ติ อิเม ทฺเว สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ โคธาคตฺโต วาติ ยสฺส โคธาย วิย คตฺตโต จุณฺณานิ ปตนฺติ.
๒๕๐๘. มหานิสทมํโสติ อิมสฺส อตฺถปทํ ‘‘อุทฺธนคฺคุปมายุโต’’ติ. ยถาห – ‘‘มหาอานิสโท วา อุทฺธนกูฏสทิเสหิ อานิสทมํเสหิ อจฺจุคฺคเตหิ สมนฺนาคโต’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๙). มหานิสทมํโส วาติ เอตฺถ วา-สทฺเทน ภฏฺกฏิโก สงฺคหิโต. วาตณฺฑิโกติ อณฺฑโกเสสุ วุทฺธิโรเคน สมนฺนาคโต. มหาอูรูติ สรีรสฺส อนนุรูเปหิ มหนฺเตหิ สตฺตีหิ สมนฺนาคโต. สงฺฆฏฺฏนกชาณุโกติ อฺมฺํ สงฺฆฏฺเฏหิ ชาณูหิ สมนฺนาคโต.
๒๕๐๙. ภินฺนชาณูติ ยสฺส เอโก วา ทฺเว วา ชาณู ภินฺนา โหนฺติ. มหาชาณูติ มหนฺเตน ¶ ชาณุนา สมนฺนาคโต. ทีฆชงฺโฆติ ยฏฺิสทิสชงฺโฆ. วิกโฏ วาติ ติริยํ คมนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา พหิ นิคฺคจฺฉนฺติ. ปณฺโห วาติ ปจฺฉโต ปริวตฺตปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา อนฺโต ปวิสนฺติ. ‘‘ปนฺโต’’ติ จ ‘‘สณฺโห’’ติ จ เอตสฺเสว เววจนานิ. อุพฺพทฺธปิณฺฑิโกติ เหฏฺา โอรุฬฺหาหิ วา อุปริ อารุฬฺหาหิ วา มหตีหิ ชงฺฆปิณฺฑิกาหิ สมนฺนาคโต.
๒๕๑๐. ยฏฺิชงฺโฆติ ¶ ยฏฺิสทิสาย ชงฺฆาย สมนฺนาคโต. มหาชงฺโฆติ สรีรสฺส อนนุรูปาย มหติยา ชงฺฆาย สมนฺนาคโต. มหาปาโทปิ วาติ สรีรสฺส อนนุรูเปหิ มหนฺเตหิ ปาเทหิ สมนฺนาคโต. อปิ-สทฺเทน ถูลชงฺฆปิณฺฑิโก สงฺคหิโต, ภตฺตปุฏสทิสาย ถูลาย ชงฺฆปิณฺฑิยา สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ปิฏฺิกปาโท วาติ ปาทเวมชฺฌโต อุฏฺิตชงฺโฆ. มหาปณฺหิปิ วาติ อนนุรูเปหิ อติมหนฺเตหิ ปณฺหีหิ สมนฺนาคโต.
๒๕๑๑. วงฺกปาโทติ อนฺโต วา พหิ วา ปริวตฺตปาทวเสน ทุวิโธ วงฺกปาโท. คณฺิกงฺคุลิโกติ สิงฺคิเวรผณสทิสาหิ องฺคุลีหิ สมนฺนาคโต. ‘‘อนฺธนโข วาปี’’ติ เอตสฺส อตฺถปทํ ‘‘กาฬปูตินโขปิ จา’’ติ. ยถาห – ‘‘อนฺธนโข วา กาฬวณฺเณหิ ปูตินเขหิ สมนฺนาคโต’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๙).
๒๕๑๒. อิจฺเจวนฺติ ยถาวุตฺตวจนียนิทสฺสนตฺโถยํ นิปาตสมุทาโย. องฺคเวกลฺลตาย พหุวิธตฺตา อนวเสสํ เวกลฺลปฺปการํ สงฺคณฺหิตุมาห ‘‘อิจฺเจวมาทิก’’นฺติ.
ปริสทูสกกถาวณฺณนา.
๒๕๑๔. ปตฺตจีวรนฺติ เอตฺถ ‘‘สามเณรสฺสา’’ติ อธิการโต ลพฺภติ. อนฺโต นิกฺขิปโตติ โอวรกาทีนํ อนฺโต นิกฺขิปนฺตสฺส. สพฺพปโยเคสูติ ปตฺตจีวรสฺส อามสนาทิสพฺพปโยเคสุ.
๒๕๑๕-๖. ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวา. ทณฺเฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทณฺโฑ, โสเยว กตฺตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ¶ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิ. อนาจารสฺส ทุพฺพจสามเณรสฺส เกวลํ ¶ หิตกาเมน ภิกฺขุนา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวา ยาคุํ วา ภตฺตํ วา วา-สทฺเทน ปตฺตํ วา จีวรํ วา ทสฺเสตฺวา ‘‘ทณฺฑกมฺเม อาหเฏ ตฺวํ อิทํ ลจฺฉสิ’’ อิติ ภาสิตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา. กิราติ ปทปูรณตฺเถ นิปาโต.
๒๕๑๗. ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตทณฺฑกมฺมํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปราธานุรูเปนา’’ติอาทิ. ตํ อปราธานุรูปทณฺฑกมฺมํ นาม วาลิกาสลิลาทีนํ อาหราปนเมวาติ โยเชตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ทารุอาทีนํ อาหราปนํ คณฺหาติ. ตฺจ โข ‘‘โอรมิสฺสตี’’ติ อนุกมฺปาย, น ‘‘นสฺสิสฺสติ วิพฺภมิสฺสตี’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน ปาปชฺฌาสเยน.
๒๕๑๘-๙. อกตฺตพฺพํ ทณฺฑกมฺมํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สีเส วา’’ติอาทิ. สีเส วาติ เอตฺถ ‘‘สามเณรสฺสา’’ติ อธิการโต ลพฺภติ. ปาสาณาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิฏฺกาทีนํ คหณํ. สามเณรํ อุณฺเห ปาสาเณ นิปชฺชาเปตุํ วา อุณฺหาย ภูมิยา นิปชฺชาเปตุํ วา อุทกํ ปเวเสตุํ วา ภิกฺขุโน น วฏฺฏตีติ โยชนา.
ภควตา อนฺุาตทณฺฑกมฺมํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อิธา’’ติอาทิ. อิธาติ อิมสฺมึ ทณฺฑกมฺมาธิกาเร. อาวรณมตฺตนฺติ ‘‘มา อิธ ปาวิสี’’ติ นิวารณมตฺตํ. ปกาสิตนฺติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยตฺถ วา วสติ, ยตฺถ วา ปฏิกฺกมติ, ตตฺถ อาวรณํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๐๗) ภาสิตํ.
‘‘ยตฺถ วา วสติ, ยตฺถ วา ปฏิกฺกมตีติ ยตฺถ วสติ วา ปวิสติ วา, อุภเยนาปิ อตฺตโน ปริเวณฺจ วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนฺจ วุตฺต’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๗) อฏฺกถาย วุตฺตตฺตา ยาว โยชิตํ ¶ ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺติ, ตาว อตฺตโน ปุคฺคลิกปริเวณํ วา วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนํ วา ปวิสิตุํ อทตฺวา นิวารณํ อาวรณํ นาม. อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตโน’’ติ วจนํ เย อาวรณํ กโรนฺติ, เต อาจริยุปชฺฌาเย สนฺธาย วุตฺตนฺติ วิฺายติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อตฺตโน’’ติ อิทํ ยสฺส อาวรณํ กโรนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตฺวา ตตฺถ วินิจฺฉยํ วทนฺติ. เกจิ อุภยถาปิ อตฺถํ คเหตฺวา อุภยตฺถาปิ อาวรณํ กาตพฺพนฺติ วทนฺติ. วีมํสิตฺวา ยเมตฺถ ยุตฺตตรํ, ตํ คเหตพฺพํ.
นิวารณกถาวณฺณนา.
๒๕๒๐. ปกฺโข ¶ จ โอปกฺกมิโก จ อาสิตฺโต จาติ วิคฺคโห. เอตฺถ จ ‘‘อนุโปสเถ อุโปสถํ กโรตี’’ติอาทีสุ ยถา อุโปสถทิเน กตฺตพฺพกมฺมํ ‘‘อุโปสโถ’’ติ วุจฺจติ, ตถา มาสสฺส ปกฺเข ปณฺฑกภาวมาปชฺชนฺโต ‘‘ปกฺโข’’ติ วุตฺโต. อถ วา ปกฺขปณฺฑโก ปกฺโข อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘ภีมเสโน ภีโม’’ติ. อิทฺจ ปาปานุภาเวน กณฺหปกฺเขเยว ปณฺฑกภาวมาปชฺชนฺตสฺส อธิวจนํ. ยถาห ‘‘อกุสลวิปากานุภาเวน กาฬปกฺเข กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ ปกฺขปณฺฑโก’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๙).
ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานิ อปนีตานิ, อยํ โอปกฺกมิกปณฺฑโก. ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก. อุสูยโกติ ยสฺส ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสูยาย อุปฺปนฺนาย ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อุสูยปณฺฑโก. โย ปฏิสนฺธิยํเยว อภาวโก อุปฺปนฺโน, อยํ นปุํสกปณฺฑโก.
๒๕๒๑. เตสูติ ¶ เตสุ ปฺจสุ ปณฺฑเกสุ. ‘‘ปกฺขปณฺฑกสฺส ยสฺมึปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๙) กุรุนฺทิยํ วุตฺตตฺตา ‘‘ติณฺณํ นิวาริตา’’ติ อิทํ ตสฺส ปณฺฑกสฺส ปณฺฑกปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ.
๒๕๒๒. ‘‘นาเสตพฺโพ’’ติ อิทํ ลิงฺคนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถาห ‘‘โสปิ ลิงฺคนาสเนเนว นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๙). เอส นโย อุปริปิ อีทิเสสุ าเนสุ.
ปณฺฑกกถาวณฺณนา.
๒๕๒๓. เถเนตีติ เถโน, ลิงฺคสฺส ปพฺพชิตเวสสฺส เถโน ลิงฺคเถโน. สํวาสสฺส ภิกฺขุวสฺสคณนาทิกสฺส เถโน สํวาสเถโน. ตทุภยสฺส จาติ ตสฺส ลิงฺคสฺส, สํวาสสฺส จ อุภยสฺส เถโนติ สมฺพนฺโธ. เอส ติวิโธปิ เถยฺยสํวาสโก นาม ปวุจฺจตีติ โยชนา.
๒๕๒๔-๖. ตตฺถ เตสุ ตีสุ เถยฺยสํวาสเกสุ โย สยเมว ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ น คณฺหติ, ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนมฺปิ เนว คณฺหติ, อปิ-สทฺเทน อาสเนน เนว ปฏิพาหติ อุโปสถปวารณาทีสุ ¶ เนว สนฺทิสฺสตีติ สงฺคณฺหนโต ตทุภยมฺปิ น กโรติ, อยํ ลิงฺคมตฺตสฺส ปพฺพชิตเวสมตฺตสฺส เถนโต โจริกาย คหณโต ลิงฺคตฺเถโน สิยาติ โยชนา.
โย จ ปพฺพชิโต หุตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ คณฺหติ, โส ยถาวุฑฺฒวนฺทนาทิกํ สํวาสํ สาทิยนฺโตว สํวาสตฺเถนโก มโตติ โยชนา. ยถาห – ‘‘ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หิ สพฺโพปิ กิริยเภโท อิมสฺมึ อตฺเถ ‘สํวาโส’ติ เวทิตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐).
วุตฺตนโยเยวาติ ¶ อุภินฺนํ ปจฺเจกํ วุตฺตลกฺขณเมว เอตสฺส ลกฺขณนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. อยํ ติวิโธปิ เถยฺยสํวาสโก อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ, ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจนฺโตปิ น ปพฺพาเชตพฺโพ. พฺยติเรกมุเขน เถยฺยสํวาสลกฺขณํ นิยเมตุํ อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) วุตฺตคาถาทฺวยํ อุทาหรนฺโต อาห ‘‘ยถาห จา’’ติ. ยถา อฏฺกถาจริโย ราชทุพฺภิกฺขาทิคาถาทฺวยมาห, ตถายมตฺโถ พฺยติเรกโต เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
๒๕๒๗-๘. ราชทุพฺภิกฺขกนฺตาร-โรคเวริภเยหิ วาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา. จีวราหรณตฺถํ วาติ อตฺตนา ปริจฺจตฺตจีวรํ ปุน วิหารํ อาหรณตฺถาย. อิธ อิมสฺมึ สาสเน. สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาย โส สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสตีติ อตฺโถ.
โย หิ ราชภยาทีหิ วินา เกวลํ ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สทฺธึ วสิตุกามตาย ลิงฺคํ คณฺหาติ, โส อสุทฺธจิตฺตตาย ลิงฺคคฺคหเณเนว เถยฺยสํวาสโก นาม โหติ. อยํ ปน ตาทิเสน อสุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขู วฺเจตุกามตาย อภาวโต ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น โหติ. เตเนว ‘‘ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘คิหี มํ สมโณติ ชานนฺตู’ติ วฺจนาจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวา โทโส น ชาโต’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
เกจิ ¶ ปน ‘‘วูปสนฺตภยตา อิธ สุทฺธจิตฺตตา’’ติ วทนฺติ, เอวฺจ สติ โส วูปสนฺตภโย ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น โหตีติ อยมตฺโถ วิฺายติ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ วิฺายมาเน อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ เถยฺยสํวาสกตา ¶ น โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น จ อฏฺกถายํ อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเน อเถยฺยสํวาสกตา ทสฺสิตา. ‘‘สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโต’’ติ จ อิมินา อวูปสนฺตภเยนาปิ สํวาสํ อสาทิยนฺเตเนว วสิตพฺพนฺติ ทีเปติ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา ‘สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโต’ติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ. ตสฺมา ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตา เจตฺถ สุทฺธจิตฺตตาติ คเหตพฺพํ.
ตาว เอส เถยฺยสํวาสโก นาม น วุจฺจตีติ โยชนา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ตตฺรายํ วิตฺถารนโย’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) อาคตนเยน เวทิตพฺโพ.
เถยฺยสํวาสกกถาวณฺณนา.
๒๕๒๙-๓๐. โย อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ ‘‘อหํ ติตฺถิโย ภวิสฺส’’นฺติ สลิงฺเคเนว อตฺตโน ภิกฺขุเวเสเนว ติตฺถิยานํ อุปสฺสยํ ยาติ เจติ สมฺพนฺโธ. ติตฺถิเยสุ ปกฺกนฺตโก ปวิฏฺโ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก. เตสํ ลิงฺเค นิสฺสิเตติ เตสํ ติตฺถิยานํ เวเส คหิเต.
๒๕๓๑. ‘‘อหํ ติตฺถิโย ภวิสฺส’’นฺติ กุสจีราทิกํ โย สยเมว นิวาเสติ, โสปิ ปกฺกนฺตโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก สิยาติ โยชนา.
๒๕๓๒-๔. นคฺโค ¶ เตสํ อาชีวกาทีนํ อุปสฺสยํ คนฺตฺวาติ โยชนา. เกเส ลฺุจาเปตีติ อตฺตโน เกเส ลฺุจาเปติ. เตสํ วตานิ อาทิยติ วาติ โยชนา. วตานิ อาทิยตีติ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีนิ วา วตานิ อาทิยติ. เตสํ ติตฺถิยานํ โมรปิฺฉาทิกํ ลิงฺคํ สฺาณํ สเจ คณฺหาติ วา เตสํ ปพฺพชฺชํ, ลทฺธิเมว วา สารโต วา เอติ อุปคจฺฉติ วาติ โยชนา. ‘‘อยํ ปพฺพชฺชา เสฏฺาติ เสฏฺภาวํ วา อุปคจฺฉตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐ ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถา) อฏฺกถายํ วุตฺตํ. เอส ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ เอว, น ปน วิมุจฺจติ ติตฺถิยปกฺกนฺตภาวโต. นคฺคสฺส คจฺฉโตติ ‘‘อาชีวโก ภวิสฺส’’นฺติ กาสายาทีนิ อนาทาย นคฺคสฺส อาชีวกานํ อุปสํคจฺฉโต.
๒๕๓๕. เถยฺยสํวาสโก ¶ อนุปสมฺปนฺนวเสน วุตฺโต, โน อุปสมฺปนฺนวเสน. อิมินา ‘‘อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ กูฏวสฺสํ คณฺหนฺโตปิ อสฺสมโณ น โหติ. ลิงฺเค สอุสฺสาโห ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ภิกฺขุวสฺสาทีนิ คเณนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหตี’’ติ อฏฺกถาคตวินิจฺฉยํ ทีเปติ. ตถา วุตฺโตติ โยชนา. ‘‘อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา’’ติ อิมินา อนุปสมฺปนฺนํ นิวตฺเตติ. เตน จ ‘‘สามเณโร สลิงฺเคน ติตฺถายตนํ คโตปิ ปุน ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ กุรุนฺทฏฺกถาคตวินิจฺฉยํ ทสฺเสติ.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกสฺส กึ กาตพฺพนฺติ? น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพาชิโตปิ น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปาทิโต จ กาสายานิ อปเนตฺวา เสตกานิ ทตฺวา คิหิภาวํ อุปเนตพฺโพ. อยมตฺโถ จ ‘‘ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน ¶ น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๐) ปาฬิโต จ ‘‘โส น เกวลํ น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อถ โข น ปพฺพาเชตพฺโพปี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐ ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถา) อฏฺกถาวจนโต จ เวทิตพฺโพ.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา.
๒๕๓๖. อิธาติ อิมสฺมึ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาธิกาเร. มนุสฺสชาติกโต อฺสฺส ติรจฺฉานคเตเยว อนฺโตคธตฺตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ยกฺโข สกฺโกปิ วา’’ติ. ติรจฺฉานคโต วุตฺโตติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๑) วจนโต ปพฺพชฺชาปิ อุปลกฺขณโต นิวาริตาเยวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. เตน ติรจฺฉานคโต จ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ อฏฺกถาจริเยหิ น ปพฺพาเชตพฺโพติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๑) วุตฺตํ.
ติรจฺฉานกถาวณฺณนา.
๒๕๓๗. ปฺจานนฺตริเก โปเสติ มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, โลหิตุปฺปาทโก, สงฺฆเภทโกติ อานนฺตริยกมฺเมหิ สมนฺนาคเต ปฺจ ปุคฺคเล.
ตตฺถ ¶ มาตุฆาตโก (มหาว. อฏฺ. ๑๑๒) นาม เยน มนุสฺสิตฺถิภูตา ชนิกา มาตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิตา, อยํ อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน มาตุฆาตโก, เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ ปฏิกฺขิตฺตา. เยน ปน มนุสฺสิตฺถิภูตาปิ อชนิกา โปสาวนิกมาตา วา จูฬมาตา วา มหามาตา วา ชนิกาปิ วา นมนุสฺสิตฺถิภูตา ¶ มาตาฆาติตา, ตสฺส ปพฺพชฺชา น วาริตา, น จ อานนฺตริโย โหติ. เยน สยํ ติรจฺฉานภูเตน มนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, โสปิ อานนฺตริโย น โหติ, ติรจฺฉานคตตฺตา ปนสฺส ปพฺพชฺชา ปฏิกฺขิตฺตาว. ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย. สเจปิ หิ เวสิยา ปุตฺโต โหติ, ‘‘อยํ เม ปิตา’’ติ น ชานาติ, ยสฺส สมฺภเวน นิพฺพตฺโต, โส เจ อเนน ฆาติโต, ‘‘ปิตุฆาตโก’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, อานนฺตริยฺจ ผุสติ.
อรหนฺตฆาตโกปิ มนุสฺสอรหนฺตวเสเนว เวทิตพฺโพ. มนุสฺสชาติยฺหิ อนฺตมโส อปพฺพชิตมฺปิ ขีณาสวํ ทารกํ วา ทาริกํ วา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปนฺโต อรหนฺตฆาตโกว โหติ, อานนฺตริยฺจ ผุสติ, ปพฺพชฺชา จสฺส วาริตา. อมนุสฺสชาติกํ ปน อรหนฺตํ, มนุสฺสชาติกํ วา อวเสสํ อริยปุคฺคลํ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโย น โหติ, ปพฺพชฺชาปิสฺส น วาริตา, กมฺมํ ปน พลวํ โหติ. ติรจฺฉาโน มนุสฺสอรหนฺตมฺปิ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโย น โหติ, กมฺมํ ปน ภาริยํ.
โย เทวทตฺโต วิย ทุฏฺจิตฺเตน วธกจิตฺเตน ตถาคตสฺส ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนกมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทติ, อยํ โลหิตุปฺปาทโก นาม, เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ วาริตา. โย ปน โรควูปสมนตฺถํ ชีวโก วิย สตฺเถน ผาเลตฺวา ปูติมํสฺจ โลหิตฺจ นีหริตฺวา ผาสุํ กโรติ, พหุํ โส ปฺุํ ปสวติ.
โย เทวทตฺโต วิย สาสนํ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ กตฺวา จตุนฺนํ กมฺมานํ อฺตรวเสน สงฺฆํ ภินฺทติ, อยํ สงฺฆเภทโก นาม, เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ วาริตา. ‘‘มาตุฆาตโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน ¶ นาเสตพฺโพ’’ติอาทิกาย (มหาว. ๑๑๒) ปาฬิยา อุปสมฺปทาปฏิกฺเขโป ปพฺพชฺชาปฏิกฺเขปสฺส อุปลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ปพฺพาเชนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ.
อุภโตพฺยฺชนฺเจว ¶ ภิกฺขุนิทูสกฺจ ตถา ปพฺพาเชนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ สมฺพนฺโธ. อุภโตพฺยฺชนนฺติ ก-การโลเปน นิทฺเทโส. อิตฺถินิมิตฺตุปฺปาทนกมฺมโต จ ปุริสนิมิตฺตุปฺปาทนกมฺมโต จ อุภโต พฺยฺชนมสฺส อตฺถีติ อุภโตพฺยฺชนโก. โส ทุวิโธ โหติ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก, ปุริสอุภโตพฺยฺชนโกติ.
ตตฺถ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส (มหาว. อฏฺ. ๑๑๖) อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยฺจ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรฺจ คพฺภํ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก สยํ น คณฺหาติ, ปรํ คณฺหาเปตีติ อิทเมเตสํ นานากรณํ. อิมสฺส ปน ทุวิธสฺสาปิ อุภโตพฺยฺชนกสฺสเนว ปพฺพชฺชา อตฺถิ, น อุปสมฺปทาติ อิทมิธ สนฺนิฏฺานํ เวทิตพฺพํ.
โย ปกตตฺตํ ภิกฺขุนึ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕) ติณฺณํ มคฺคานํ อฺตรสฺมึ ทูเสติ, อยํ ภิกฺขุนิทูสโก นาม, เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ วาริตา. โย ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, ตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น วาริตา. พลกฺกาเรน ปน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อนิจฺฉมานํเยว ทูเสนฺโตปิ ภิกฺขุนิทูสโกเยว. พลกฺกาเรน ปน โอทาตวตฺถวสนํ ¶ กตฺวา อิจฺฉมานํ ทูเสนฺโต ภิกฺขุนิทูสโก น โหติ. กสฺมา? ยสฺมา คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยว สา อภิกฺขุนี โหติ. สกึ สีลวิปนฺนํ ปน ปจฺฉา ทูเสนฺโต เนว ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, ปพฺพชฺชมฺปิ อุปสมฺปทมฺปิ ลภติ.
๒๕๓๘. ปาฬิอฏฺกถาวิมุตฺตํ อาจริยปรมฺปราภตวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอกโต’’ติอาทิ. ‘‘เอกโต’’ติ อิมินา ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ คหณํ ภเวยฺยาติ ตํ ปริวชฺเชตุํ ‘‘ภิกฺขุนีนํ ตุ สนฺติเก’’ติ วุตฺตํ. เอเตน ตํทูสกสฺส ภพฺพตํ ทีเปติ. โส เนว ภิกฺขุนิทูสโก สิยา, ‘‘อุปสมฺปทํ ลภเตว จ ปพฺพชฺชํ, สา จ เนว ปราชิตา’’ติ อิทํ ทุติยคาถาย อิธาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. เกวลํ ภิกฺขุนิสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนา นาม น โหตีติ อธิปฺปาเยเนว วุตฺตํ. ‘‘สา จ เนว ปราชิตา’’ติ อิมินา ตสฺสา จ ปุน ปพฺพชฺชูปสมฺปทาย ภพฺพตํ ¶ ทีเปติ. อยมตฺโถ อฏฺกถาคณฺิปเทปิ วุตฺโตเยว ‘‘ภิกฺขุนีนํ วเสน เอกโตอุปสมฺปนฺนํ ทูเสตฺวา ภิกฺขุนิทูสโก น โหติ, ปพฺพชฺชาทีนิ ลภติ, สา จ ปาราชิกา น โหตีติ วินิจฺฉโย’’ติ.
๒๕๓๙. ‘‘สิกฺขมานาสามเณรีสุ จ วิปฺปฏิปชฺชนฺโต เนว ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, ปพฺพชฺชมฺปิ อุปสมฺปทมฺปิ ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕) อฏฺกถาคตวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สเจ อนุปสมฺปนฺนทูสโก’’ติ. ‘‘อุปสมฺปทํ ลภเตว จ ปพฺพชฺช’’นฺติ อิทํ ยถาาเนปิ โยเชตพฺพํ. สา จ เนว ปราชิตาติ อิทํ ปน อฏฺกถาย อนาคตตฺตา จ อนุปสมฺปนฺนาย อุปสมฺปนฺนวิกปฺปาภาวา จ น โยเชตพฺพํ. อสติ หิ อุปสมฺปนฺนวิกปฺเป ปราชิตวิกปฺปาสงฺคโห ปฏิเสโธ นิรตฺถโกติ สา ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ ภพฺพาเยวาติ ทฏฺพฺพา. อิเม ¶ ปน ปณฺฑกาทโย เอกาทส ปุคฺคลา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๐๙) อภพฺพาเยว, เนสํ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น รุหติ, ตสฺมา น ปพฺพาเชตพฺพา. ชานิตฺวา ปพฺพาเชนฺโต, อุปสมฺปาเทนฺโต จ ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. อชานิตฺวาปิ ปพฺพาชิตา, อุปสมฺปาทิตา จ ชานิตฺวา ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺพา.
เอกาทสอภพฺพปุคฺคลกถาวณฺณนา.
๒๕๔๐. นูปสมฺปาทนีโยวาติ น อุปสมฺปาเทตพฺโพว. อนุปชฺฌายโกติ อสนฺนิหิตอุปชฺฌาโย วา อคฺคหิตอุปชฺฌายคฺคหโณ วา. กโรโตติ อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาทยโต. ทุกฺกฏํ โหตีติ อาจริยสฺส จ คณสฺส จ ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ. น กุปฺปติ สเจ กตนฺติ สเจ อนุปชฺฌายกสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ กตํ ภเวยฺย, ตํ น กุปฺปติ สมคฺเคน สงฺเฆน อกุปฺเปน านารเหน กตตฺตา.
๒๕๔๑. เอเกติ อภยคิริวาสิโน. ‘‘น คเหตพฺพเมวา’’ติ อฏฺกถาย ทฬฺหํ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. ตํ วจนํ. เอตฺถ จ อุปชฺฌาเย อสนฺนิหิเตปิ อุปชฺฌายคฺคหเณ อกเตปิ กมฺมวาจายํ ปน อุปชฺฌายกิตฺตนํ กตํเยวาติ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตาย กมฺมวิปตฺติยา สมฺภวโต กมฺมํ กุปฺเปยฺย. เตเนว ‘‘อุปชฺฌายํ อกิตฺเตตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๗) อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ยถา จ อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส ¶ อุปสมฺปทากาเล กมฺมวาจายํ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย กตายปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อสนฺตํ ปุคฺคลํ กิตฺเตตฺวา เกวลํ สนฺตปทนีหาเรน กมฺมวาจาย ¶ กตาย อุปสมฺปทา รุหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘น กุปฺปติ สเจ กต’’นฺติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุปชฺฌายโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๑๗) เอตฺตกเมว วตฺวา ‘‘โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ อวุตฺตตฺตา, กมฺมวิปตฺติลกฺขณสฺส จ อสมฺภวโต ‘‘น คเหตพฺพเมว ต’’นฺติ วุตฺตํ.
เสเสสุ สพฺพตฺถปีติ สงฺฆคณปณฺฑกเถยฺยสํวาสกติตฺถิยปกฺกนฺตกติรจฺฉานคตมาตุปิตุอรหนฺตฆาตกภิกฺขุนิทูสกสงฺฆเภทกโลหิตุปฺปาทกอุภโตพฺยฺชนกสงฺขาเตหิ อุปชฺฌาเยหิ อุปสมฺปาทิเตสุ สพฺเพสุ เตรสสุ วิกปฺเปสุ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘น, ภิกฺขเว, สงฺเฆน อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ. น เกวลํ เอเตสุเยว เตรสสุ, อถ ‘‘อปตฺตกอจีวรกอจีวรปตฺตกยาจิตกปตฺตยาจิตกจีวรยาจิตกปตฺตจีวรกา’’ติ เอเตสุ ฉสุ วิกปฺเปสุ อยํ นโย โยเชตพฺโพติ. เสส-คฺคหเณน เอเตสมฺปิ สงฺคโห. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อปตฺตโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๑๘). อยํ นโยติ ‘‘น กุปฺปติ สเจ กต’’นฺติ วุตฺตนโย.
๒๕๔๒. ปฺจวีสตีติ จตุวีสติ ปาราชิกา, อูนวีสติวสฺโส จาติ ปฺจวีสติ. วุตฺตฺหิ ‘‘น, ภิกฺขเว, ชานํ อูนวีสติวสฺโส ปุคฺคโล อุปสมฺปาเทตพฺโพ. โย อุปสมฺปาเทยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๙๙). โอสาโรติ อุปสมฺปทาสงฺขาโต โอสาโร. เตเนว จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, เอกจฺโจ โสสาริโต’’ติอาทิปาสฺส (มหาว. ๓๙๖) อฏฺกถายํ ‘‘โอสาเรตีติ อุปสมฺปทากมฺมวเสน ¶ ปเวเสตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๙๖) วุตฺตํ. ‘‘นาสนารโห’’ติ อิมินา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๐๙) อุปสมฺปาทิตสฺสาปิ เสตกานิ ทตฺวา คิหิภาวํ ปาเปตพฺพตํ ทีเปติ.
๒๕๔๓. หตฺถจฺฉินฺนาทิ ¶ พาตฺตึสาติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก –
‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต. ปาทจฺฉินฺโน…เป… หตฺถปาทจฺฉินฺโน… กณฺณจฺฉินฺโน… นาสจฺฉินฺโน… กณฺณนาสจฺฉินฺโน… องฺคุลิจฺฉินฺโน… อฬจฺฉินฺโน… กณฺฑรจฺฉินฺโน… ผณหตฺถโก… ขุชฺโช… วามโน… คลคณฺฑี… ลกฺขณาหโต… กสาหโต… ลิขิตโก… สีปทิโก… ปาปโรคี… ปริสทูสโก… กาโณ… กุณี… ขฺโช… ปกฺขหโต… ฉินฺนิริยาปโถ… ชราทุพฺพโล… อนฺโธ… มูโค… ปธิโร… อนฺธมูโค… อนฺธปธิโร… มูคปธิโร… อนฺธมูคปธิโร, ภิกฺขเว, อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) พาตฺตึส.
กุฏฺิอาทิ จ เตรสาติ มหาขนฺธเก อาคตา –
‘‘กุฏฺึ คณฺฑึ กิลาสิฺจ, โสสิฺจ อปมาริกํ;
ตถา ราชภฏํ โจรํ, ลิขิตํ การเภทกํ.
‘‘กสาหตํ นรฺเจว, ปุริสํ ลกฺขณาหตํ;
อิณายิกฺจ ทาสฺจ, ปพฺพาเชนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ. –
ยถาวุตฺตา เตรส.
เอวเมเต ปฺจจตฺตาลีส วุตฺตา. เตสุ กสาหตลกฺขณาหตลิขิตกานํ ติณฺณํ อุภยตฺถ อาคตตฺตา อคฺคหิตคฺคหเณน ทฺวาจตฺตาลีเสว ทฏฺพฺพา.
‘‘หตฺถจฺฉินฺนาทิพาตฺตึส ¶ , กุฏฺิอาทิ จ เตรสา’’ติ เย ปุคฺคลา วุตฺตา, เตสํ. โอสาโร อปฺปตฺโตติ อุปสมฺปทาอนนุรูปาติ อตฺโถ. กโต เจติ อกตฺตพฺพภาวมสลฺลกฺขนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ยทิ อุปสมฺปทาสงฺขาโต โอสาโร กโต ภเวยฺย. รูหตีติ สิชฺฌติ, เต ปุคฺคลา อุปสมฺปนฺนาเยวาติ อธิปฺปาโย. อาจริยาทโย ปน อาปตฺตึ อาปชฺชนฺติ. ยถาห จมฺเปยฺยกฺขนฺธกฏฺกถายํ ¶ – ‘‘หตฺถจฺฉินฺนาทโย ปน ทฺวตฺตึส สุโอสาริตา, อุปสมฺปาทิตา อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น เต ลพฺภา กิฺจิ วตฺตุํ. อาจริยุปชฺฌายา, ปน การกสงฺโฆ จ สาติสารา, น โกจิ อาปตฺติโต มุจฺจตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๙๖).
๒๕๔๔-๕. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺเว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ, ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยนา’’ติ (มหาว. ๑๒๓) วจนโต สเจ ตโย อาจริยา เอกสีมายํ นิสินฺนา เอกสฺส อุปชฺฌายสฺส นามํ คเหตฺวา ติณฺณํ อุปสมฺปทาเปกฺขานํ วิสุํ วิสุํเยว กมฺมวาจํ เอกกฺขเณ วตฺวา ตโย อุปสมฺปาเทนฺติ, วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอกูปชฺฌายโก โหตี’’ติอาทิ.
‘‘ตโย’’ติ อิทํ อฏฺุปฺปตฺติยํ ‘‘สมฺพหุลานํ เถราน’’นฺติ (มหาว. ๑๒๓) อาคตตฺตา วุตฺตํ. เอกโตติ เอกกฺขเณ. อนุสาวนนฺติ กมฺมวาจํ. โอสาเรตฺวาติ วตฺวา. กมฺมนฺติ อุปสมฺปทากมฺมํ. น จ กุปฺปตีติ น วิปชฺชติ. กปฺปตีติ อวิปชฺชนโต เอวํ กาตุํ วฏฺฏติ.
๒๕๔๖-๗. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺเว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๓) วจนโต สเจ เอโก อาจริโย ‘‘พุทฺธรกฺขิโต จ ธมฺมรกฺขิโต จ สงฺฆรกฺขิโต จ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อุปสมฺปทาเปกฺขานํ ¶ ปจฺเจกํ นามํ คเหตฺวา กมฺมวาจํ วตฺวา ทฺเว ตโยปิ อุปสมฺปาเทติ, วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอกูปชฺฌายโก โหตี’’ติอาทิ.
อุปสมฺปทํ อเปกฺขนฺตีติ ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺขา’’ติ อุปสมฺปชฺชนกา วุจฺจนฺติ. เตสํ นามนฺติ เตสํ อุปสมฺปชฺชนฺตานฺเจว อุปชฺฌายานฺจ นามํ. อนุปุพฺเพน สาเวตฺวาติ โยชนา, ‘‘พุทฺธรกฺขิโต’’ติอาทินา ยถาวุตฺตนเยน กมฺมวาจายํ สกฏฺาเน วตฺวา สาเวตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาติ เอเกน อาจริเยน. เอกโตติ ทฺเว ตโย ชเน เอกโต กตฺวา. อนุสาเวตฺวาติ กมฺมวาจํ วตฺวา. กตํ อุปสมฺปทากมฺมํ.
๒๕๔๘. อฺมฺานุสาเวตฺวาติ ¶ อฺมฺสฺส นามํ อนุสาเวตฺวา, คเหตฺวาติ อตฺโถ, อฺมฺสฺส นามํ คเหตฺวา กมฺมวาจํ วตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
๒๕๔๙. ตํ วิธึ ทสฺเสตุมาห ‘‘สุมโน’’ติอาทิ. สุมโนติ อาจริโย. ติสฺสเถรสฺส อุปชฺฌายสฺส. สิสฺสกํ สทฺธิวิหาริกํ. อนุสาเวตีติ กมฺมวาจํ สาเวติ. ติสฺโสติ ปมํ อุปชฺฌายภูตสฺส คหณํ. สุมนเถรสฺสาติ ปมํ อาจริยตฺเถรมาห. อิเม ทฺเว เอกสีมายํ นิสีทิตฺวา เอกกฺขเณ อฺมฺสฺส สทฺธิวิหาริกานํ กมฺมวาจํ วทนฺตา อตฺตโน อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ ปฏิจฺจ อุปชฺฌายาปิ โหนฺติ, อนฺเตวาสิเก ปฏิจฺจ อาจริยาปิ โหนฺติ, อฺมฺสฺส คณปูรกา จ โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห –
‘‘สเจ ปน นานาจริยา นานาอุปชฺฌายา โหนฺติ, ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร ติสฺสตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ ¶ , อฺมฺฺจ คณปูรกา โหนฺติ, วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๒๓).
๒๕๕๐. อิธาติ อิมสฺมึ อุปสมฺปทาธิกาเร. ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ (มหาว. ๑๒๓) ปฏิสิทฺธา. โลกิเยหิ อาทิจฺจปุตฺโต มนูติ โย ปมกปฺปิโก มนุสฺสานํ อาทิราชา วุจฺจติ, ตสฺส วํเส ชาตตฺตา อาทิจฺโจ พนฺธุ เอตสฺสาติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา, เตน.
มหาขนฺธกกถาวณฺณนา.