📜

อุโปสถกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

๒๕๕๑-๒. ยา เอกาทสหิ สีมาวิปตฺตีหิ วชฺชิตา ติสมฺปตฺติสํยุตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ ฆเฏตฺวา สมฺมตา, สา อยํ พทฺธสีมา นาม สิยาติ โยชนา. ตตฺถ อติขุทฺทกา, อติมหตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ ‘‘อิเมหิ เอกาทสหิ อากาเรหิ สีมโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วจนโต อิมา เอกาทส วิปตฺติสีมาโย นาม, วิปนฺนสีมาติ วุตฺตํ โหติ.

ตตฺถ อติขุทฺทกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ. อติมหตี นาม ยา อนฺตมโส เกสคฺคมตฺเตนาปิ ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา สมฺมตา. ขณฺฑนิมิตฺตา นาม อฆฏิตนิมิตฺตา วุจฺจติ. ปุรตฺถิมาย ทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมเนว ทกฺขิณาย, ปจฺฉิมาย, อุตฺตราย ทิสาย กิตฺเตตฺวา ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปุพฺพกิตฺติตํ ปฏิกิตฺเตตฺวา เปตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อขณฺฑนิมิตฺตา โหติ. สเจ ปน อนุกฺกเมน อาหริตฺวา อุตฺตราย ทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา ตตฺเถว เปติ, ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. อปราปิ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม ยา อนิมิตฺตุปคํ ตจสารรุกฺขํ วา ขาณุกํ วา ปํสุปุฺชวาลิกาปุฺชานํ วา อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. ฉายานิมิตฺตา นาม ปพฺพตจฺฉายาทีนํ ยํ กิฺจิ ฉายํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. อนิมิตฺตา นาม สพฺเพน สพฺพํ นิมิตฺตานิ อกิตฺเตตฺวา สมฺมตา. พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตา.

นทิยา สมุทฺเท ชาตสฺสเร สมฺมตา นาม เอเตสุ นทิอาทีสุ สมฺมตา. สา หิ เอวํ สมฺมตาปิ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา, สพฺโพ สมุทฺโท อสีโม, สพฺโพ ชาตสฺสโร อสีโม’’ติ (มหาว. ๑๔๘) วจนโต อสมฺมตาว โหติ. สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ โปราณกสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อมฺโพ เจว ชมฺพู จาติ ทฺเว รุกฺขา อฺมฺํ สํสฏฺวิฏปา โหนฺติ, เตสุ อมฺพสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค ชมฺพู, วิหารสีมา จ ชมฺพุํ อนฺโต กตฺวา อมฺพํ กิตฺเตตฺวา พทฺธา โหติ, อถ ปจฺฉา ตสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย วิหาเร กเต สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู ตํ อมฺพํ อนฺโต กตฺวา ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา พนฺธนฺติ, สีมาย สีมํ สมฺภินฺนา โหติ. สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา ตสฺสา ปเทสํ วา อนฺโต กตฺวา อตฺตโน สีมํ สมฺมนฺนติ, สีมาย สีมา อชฺโฌตฺถริตา นาม โหตีติ. อิติ อิมาหิ เอกาทสหิ วิปตฺติสีมาหิ วชฺชิตาติ อตฺโถ.

ติสมฺปตฺติสํยุตาติ นิมิตฺตสมฺปตฺติ, ปริสาสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาสมฺปตฺตีติ อิมาหิ ตีหิ สมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคตา. ตตฺถ นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตา นาม ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ, ปาสาณนิมิตฺตํ, วนนิมิตฺตํ, รุกฺขนิมิตฺตํ, มคฺคนิมิตฺตํ, วมฺมิกนิมิตฺตํ, นทินิมิตฺตํ, อุทกนิมิตฺต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) เอวํ วุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตุปคานิ นิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปพฺพโต, ภนฺเต, เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติอาทินา นเยน สมฺมา กิตฺเตตฺวา สมฺมตา.

ปริสาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต พทฺธสีมํ วา นทิสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู, เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวา, ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา สมฺมตา.

กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๙) นเยน วุตฺตาย ปริสุทฺธาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมตา. เอวํ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ ฆเฏตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมาติ เวทิตพฺพา.

๒๕๕๓-๔. ขณฺฑสมานสํวาสอวิปฺปวาสา อาทโย อาทิภูตา, อาทิมฺหิ วา ยาสํ สีมานํ ตา ขณฺฑสมานสํวาสาวิปฺปวาสาที, ตาสํ, ตาหิ วา ปเภโท ขณฺฑสมานสํวาสาทิเภโท, ตโต ขณฺฑสมานสํวาสาทิเภทโต, ขณฺฑสีมา, สมานสํวาสสีมา, อวิปฺปวาสสีมาติ อิมาสํ สีมานํ เอตาหิ วา กรณภูตาหิ, เหตุภูตาหิ วา ชาเตน วิภาเคนาติ วุตฺตํ โหติ. สมานสํวาสาวิปฺปวาสานมนฺตเร ขณฺฑา ปริจฺฉินฺนา ตาหิ อสงฺกรา สีมา ขณฺฑสีมา นาม. สมานสํวาเสหิ ภิกฺขูหิ เอกโต อุโปสถาทิโก สํวาโส เอตฺถ กรียตีติ สมานสํวาสา นาม. อวิปฺปวาสาย ลกฺขณํ ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติอาทินา วกฺขติ. อิติ พทฺธา ติธา วุตฺตาติ เอวํ พทฺธสีมา ติปฺปเภทา วุตฺตา.

อุทกุกฺเขปาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ. สตฺตนฺนํ อพฺภนฺตรานํ สมาหารา สตฺตพฺภนฺตรา, ตโตปิ จ. อพทฺธาปิ ติวิธาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ ตาสุ ตีสุ อพทฺธสีมาสุ. คามปริจฺเฉโทติ สพฺพทิสาสุ สีมํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’’ติ เอวํ กเรน นิยมิโต คามปฺปเทโส. ยถาห – ‘‘ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส คามสฺส โภชกา พลึ หรนฺติ , โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ มหนฺโต วา, ‘คามสีมา’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘อยํ วิสุํ คาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗).

‘‘คามปริจฺเฉโท’’ติ อิมินา จ นครปริจฺเฉโท จ สงฺคหิโต. ยถาห – ‘‘คามคฺคหเณน เจตฺถ นครมฺปิ คหิตเมว โหตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗). นิคมสีมาย วิสุํเยว วุตฺตตฺตา ตสฺสา อิธ สงฺคโห น วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ ‘‘ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ยา ตสฺส วา คามสฺส คามสีมา, นิคมสฺส วา นิคมสีมา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกุโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๗). อิมิสฺสา วิสุํเยว ลกฺขณสฺส วุตฺตตฺตา คามสีมาลกฺขเณเนว อุปลกฺขิตา.

๒๕๕๕. ‘‘ชาตสฺสเร’’ติอาทีสุ ชาตสฺสราทีนํ ลกฺขณํ เอวํ เวทิตพฺพํ – โย ปน เกนจิ ขณิตฺวา อกโต สยํชาโต โสพฺโภ สมนฺตโต อาคเตน อุทเกน ปูริโต ติฏฺติ, ยตฺถ นทิยํ วกฺขมานปฺปกาเร วสฺสกาเล อุทกํ สนฺติฏฺติ, อยํ ชาตสฺสโร นาม. โยปิ นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตอุทเกน ขณิโต โสพฺโภ เอตํ ลกฺขณํ ปาปุณาติ, อยมฺปิ ชาตสฺสโรเยว. สมุทฺโท ปากโฏเยว.

ยสฺสา ธมฺมิกานํ ราชูนํ กาเล อนฺวฑฺฒมาสํ อนุทสาหํ อนุปฺจาหํ อนติกฺกมิตฺวา เทเว วสฺสนฺเต วลาหเกสุ วิคตมตฺเตสุ โสตํ ปจฺฉิชฺชติ, อยํ นทิสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. ยสฺสา ปน อีทิเส สุวุฏฺิกาเล วสฺสานสฺส จตุมาเส โสตํ น ปจฺฉิชฺชติ, ยตฺถ ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา สิกฺขากรณีเย อาคตลกฺขเณน ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ อนฺตรวาสโก เตมิยติ, อยํ สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นที นาม.

สมนฺตโตติ สมนฺตา. มชฺฌิมสฺสาติ ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส. อุทกุกฺเขโปติ วกฺขมาเนน นเยน ถามปฺปมาเณน ขิตฺตสฺส อุทกสฺส วา วาลุกาย วา ปติตฏฺาเนน ปริจฺฉินฺโน อนฺโตปเทโส. ยถา อกฺขธุตฺตา ทารุคุฬํ ขิปนฺติ, เอวํ อุทกํ วา วาลุกํ วา หตฺเถน คเหตฺวา ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน สพฺพถาเมน ขิปิตพฺพํ, ตตฺถ ยตฺถ เอวํ ขิตฺตํ อุทกํ วา วาลุกา วา ปตติ, อยํ อุทกุกฺเขโป นามาติ. อุทกุกฺเขปสฺิโตติ ‘‘อุทกุกฺเขโป’’ติ สลฺลกฺขิโต.

๒๕๕๖. อคามเก อรฺเติ วิฺฌาฏวิสทิเส คามรหิเต มหาอรฺเ. สมนฺตโต สตฺเตวพฺภนฺตราติ อตฺตโน ิตฏฺานโต ปริกฺขิปิตฺวา สตฺเตว อพฺภนฺตรา ยสฺสา สีมาย ปริจฺเฉโท, อยํ สตฺตพฺภนฺตรนามิกา สีมา นาม.

๒๕๕๗. คุฬุกฺเขปนเยนาติ อกฺขธุตฺตกานํ ทารุคุฬุกฺขิปนากาเรน. อุทกุกฺเขปกาติ อุทกุกฺเขปสทิสวเสน.

๒๕๕๘. อิมาสํ ทฺวินฺนํ สีมานํ วฑฺฒนกฺกมํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อพฺภนฺตรูทกุกฺเขปา, ิโตกาสา ปรํ สิยุ’’นฺติ. ิโตกาสา ปรนฺติ ปริสาย ิตฏฺานโต ปรํ, ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย สตฺตพฺภนฺตรา จ มินิตพฺพา, อุทกุกฺเขโป จ กาตพฺโพติ อตฺโถ.

๒๕๕๙-๖๐. อนฺโตปริจฺเฉเทติ อุทกุกฺเขเปน วา สตฺตพฺภนฺตเรหิ วา ปริจฺฉินฺโนกาสสฺส อนฺโต. หตฺถปาสํ วิหาย ิโต วา ปรํ ตตฺตกํ ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมฺม ิโต วาติ โยชนา, สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺพํ เอกํ อุทกุกฺเขปํ วา สตฺตพฺภนฺตรํ เอว วา อนติกฺกมฺม ิโตติ อตฺโถ.

กมฺมํ วิโกเปตีติ อนฺโต ิโต กมฺมสฺส วคฺคภาวกรณโต, พหิ ตตฺตกํ ปเทสํ อนติกฺกมิตฺวา ิโต อฺสฺส สงฺฆสฺส คณปูรณภาวํ คจฺฉนฺโต สีมาย สงฺกรภาวกรเณน กมฺมํ วิโกเปติ. อิติ ยสฺมา อฏฺกถานโย, ตสฺมา โส อนฺโตสีมาย หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต หตฺถปาเส วา กาตพฺโพ, สีมนฺตริกตฺถาย ปริจฺฉินฺโนกาสโต พหิ วา กาตพฺโพ. ตตฺตกํ ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโต ยถาิโตว สเจ อฺสฺส กมฺมสฺส คณปูรโก น โหติ, กมฺมํ น โกเปตีติ คเหตพฺพํ.

๒๕๖๑-๒. สณฺานนฺติ ติโกฏิสณฺานํ. นิมิตฺตนฺติ ปพฺพตาทินิมิตฺตํ. ทิสกิตฺตนนฺติ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา ทิสากิตฺตนํ. ปมาณนฺติ ติโยชนปรมํ ปมาณํ . โสเธตฺวาติ ยสฺมึ คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธติ, ตตฺถ วสนฺเต อุปสมฺปนฺนภิกฺขู พทฺธสีมวิหาเร วสนฺเต สีมาย พหิ คนฺตุํ อทตฺวา, อพทฺธสีมวิหาเร วสนฺเต หตฺถปาสํ อุปเนตพฺเพ หตฺถปาสํ เนตฺวา อวเสเส พหิสีมาย กตฺวา สพฺพมคฺเคสุ อารกฺขํ วิทหิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สีมนฺติ ขณฺฑสีมํ.

กีทิสนฺติ อาห ‘‘ติโกณ’’นฺติอาทิ. ปณวูปมนฺติ ปณวสณฺานํ มชฺเฌ สํขิตฺตํ อุภยโกฏิยา วิตฺถตํ. ‘‘วิตานาการํ ธนุกาการ’’นฺติ อาการ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ธนุกาการนฺติ อาโรปิตธนุสณฺานํ, ‘‘มุทิงฺคูปมํ สกฏูปม’’นฺติ อุปมา-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. มุทิงฺคูปมนฺติ มชฺเฌ วิตฺถตํ อุภยโกฏิยา ตนุกํ ตุริยวิเสสํ มุทิงฺคนฺติ วทนฺติ, ตาทิสนฺติ อตฺโถ. สีมํ พนฺเธยฺยาติ โยชนา.

๒๕๖๓. ปพฺพตาทินิมิตฺตุปคนิมิตฺตานิ ทสฺเสตุมาห ‘‘ปพฺพต’’นฺติอาทิ. อิติ อฏฺ นิมิตฺตานิ ทีปเยติ โยชนา. ตตฺเรวํ สงฺเขปโต นิมิตฺตุปคตา เวทิตพฺพา – สุทฺธปํสุสุทฺธปาสาณอุภยมิสฺสกวเสน (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ติวิโธปิ หิ ปพฺพโต หตฺถิปฺปมาณโต ปฏฺาย อุทฺธํ นิมิตฺตุปโค, ตโต โอมกตโร น วฏฺฏติ. อนฺโตสาเรหิ วา อนฺโตสารมิสฺสเกหิ วา รุกฺเขหิ จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปิ วนํ นิมิตฺตุปคํ, ตโต อูนตรํ น วฏฺฏติ. ปาสาณนิมิตฺเต อยคุฬมฺปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, ตสฺมา โย โกจิ ปาสาโณ อุกฺกํเสน หตฺถิปฺปมาณโต โอมกตรํ อาทึ กตฺวา เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปริมาโณ นิมิตฺตุปโค, น ตโต ขุทฺทกตโร. ปิฏฺิปาสาโณ ปน อติมหนฺโตปิ วฏฺฏติ. รุกฺโข ชีวนฺโตเยว อนฺโตสาโร ภูมิยํ ปติฏฺิโต อนฺตมโส อุพฺเพธโต อฏฺงฺคุโล ปริณาหโต สูจิทณฺฑปฺปมาโณปิ นิมิตฺตุปโค, น ตโต โอรํ วฏฺฏติ. มคฺโค ชงฺฆมคฺโค วา โหตุ สกฏมคฺโค วา, โย วินิวิชฺฌิตฺวา ทฺเว ตีณิ คามกฺเขตฺตานิ คจฺฉติ, ตาทิโส ชงฺฆสกฏสตฺเถหิ วฬฺชิยมาโนเยว นิมิตฺตุปโค, อวฬฺโช น วฏฺฏติ. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ตํทิวสํ ชาโต อฏฺงฺคุลุพฺเพโธ โควิสาณมตฺโตปิ วมฺมิโก นิมิตฺตุปโค, ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. อุทกํ ยํ อสนฺทมานํ อาวาฏโปกฺขรณิตฬากชาตสฺสรโลณิสมุทฺทาทีสุ ิตํ, ตํ อาทึ กตฺวา อนฺตมโส ตงฺขณํเยว ปถวิยํ ขเต อาวาเฏ ฆเฏหิ อาหริตฺวา ปูริตมฺปิ ยาว กมฺมวาจาปริโยสานา สณฺหนกํ นิมิตฺตุปคํ, อิตรํ สนฺทมานกํ, วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตํ, ภาชนคตํ วา น วฏฺฏติ. ยา อพทฺธสีมาลกฺขเณ นที วุตฺตา, สา นิมิตฺตุปคา, อฺา น วฏฺฏตีติ.

๒๕๖๔. เตสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. ตีณีติ นิทฺธาริตพฺพทสฺสนํ, อิมินา เอกํ วา ทฺเว วา นิมิตฺตานิ น วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ. ยถาห – ‘‘สา เอวํ สมฺมนฺนิตฺวา พชฺฌมานา เอเกน, ทฺวีหิ วา นิมิตฺเตหิ อพทฺธา โหตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘). สเตนาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺภาวนายํ ทฏฺพฺโพ, เตน วีสติยา, ตึสาย วา นิมิตฺเตหิ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติ.

๒๕๖๕. ติโยชนํ ปรํ อุกฺกฏฺโ ปริจฺเฉโท เอติสฺสาติ ติโยชนปรา. ‘‘วีสตี’’ติอาทีนํ สงฺขฺยาเน, สงฺขฺเยยฺเย จ วตฺตนโต อิธ สงฺขฺยาเน วตฺตมานํ วีสติ-สทฺทํ คเหตฺวา เอกวีสติ ภิกฺขูนนฺติ ภินฺนาธิกรณนิทฺเทโส กโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘เอกวีสติ’’นฺติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน นิคฺคหีตโลโป, วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ ภิกฺขูนํ เอกวีสตึ คณฺหนฺตีติ อตฺโถ, อิทฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เหฏฺิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ.

๒๕๖๖. ยา อุกฺกฏฺายปิ ยา จ เหฏฺิมายปิ เกสคฺคมตฺตโตปิ อธิกา วา อูนา วา, เอตา ทฺเวปิ สีมาโย ‘‘อสีมา’’ติ อาทิจฺจพนฺธุนา วุตฺตาติ โยชนา.

๒๕๖๗. สมนฺตโต สพฺพเมว นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวาติ ปุพฺพทิสานุทิสาทีสุ ปริโต สพฺพทิสาสุ ยถาลทฺธํ นิมิตฺโตปคํ สพฺพนิมิตฺตํ ‘‘วินยธเรน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’นฺติ? ‘ปพฺพโต, ภนฺเต’ติ. ปุน วินยธเรน ‘เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) อฏฺกถายํ วุตฺตนเยน นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ ฆเฏตฺวา กิตฺเตตฺวา. ตฺติ ทุติยา ยสฺสาติ วิคฺคโห, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๙) ปทภาชเน วุตฺเตน ตฺติทุติเยน กมฺเมนาติ อตฺโถ. อรหติ ปโหติ วินยธโรติ อธิปฺปาโย.

๒๕๖๘. พนฺธิตฺวาติ ยถาวุตฺตลกฺขณนเยน สมานสํวาสสีมํ ปมํ พนฺธิตฺวา. อนนฺตรนฺติ กิจฺจนฺตเรน พฺยวหิตํ อกตฺวา, กาลกฺเขปํ อกตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, สีมํ สมูหนิตุกามานํ ปจฺจตฺติกานํ โอกาสํ อทตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปจฺฉาติ สมานสํวาสสมฺมุติโต ปจฺฉา. จีวราวิปฺปวาสกํ สมฺมนฺนิตฺวาน ยา พทฺธา, สา ‘‘อวิปฺปวาสา’’ติ วุจฺจตีติ โยชนา.

ตตฺถ จีวราวิปฺปวาสกํ สมฺมนฺนิตฺวาน ยา พทฺธาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกุโปสถา…เป… เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตนเยน จีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺนิตฺวา ยา พทฺธา. สา อวิปฺปวาสาติ วุจฺจตีติ ตตฺถ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ จีวเรน วิปฺปวาสนิมิตฺตาปตฺติยา อภาวโต ตถา วุจฺจติ, ‘‘อวิปฺปวาสสีมา’’ติ วุจฺจตีติ วุตฺตํ โหติ.

๒๕๖๙. ‘‘ยา กาจิ นทิลกฺขณปฺปตฺตา นที นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ‘เอตํ พทฺธสีมํ กโรมา’ติ กตาปิ อสีมาว โหตี’’ติอาทิกํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) อฏฺกถานยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘นที…เป… น โวตฺถรตี’’ติ, น ปตฺถรติ สีมาภาเวน พฺยาปินี น โหตีติ อตฺโถ. เตเนวาติ เยน น โวตฺถรติ, เตเนว การเณน. อพฺรวีติ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา, สพฺโพ สมุทฺโท อสีโม, สพฺโพ ชาตสฺสโร อสีโม’’ติ (มหาว. ๑๔๗) อโวจ.

สีมากถาวณฺณนา.

๒๕๗๐. อฏฺมิยาปิ อุโปสถโวหารตฺตา ทินวเสน อุโปสถานํ อติเรกตฺเตปิ อิธ อธิปฺเปเตเยว อุโปสเถ คเหตฺวา อาห ‘‘นเววา’’ติ.

๒๕๗๑-๓. เต สรูปโต ทสฺเสตุมาห ‘‘จาตุทฺทโส…เป… กมฺเมนุโปสถา’’ติ. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส. ปนฺนรสนฺนํ ปูรโณ ปนฺนรโส. ยทา ปน โกสมฺพกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑ อาทโย) อาคตนเยน ภินฺเน สงฺเฆ โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ สงฺโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, ตทา ‘‘ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๔๗๕) วจนโต เปตฺวา จาตุทฺทสปนฺนรเส อฺโปิ โย โกจิ ทิวโส สามคฺคี อุโปสโถติ. เอตฺถ อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. จาตุทฺทโส, ปนฺนรโส, สามคฺคี จ อุโปสโถติ เอเต ตโยปิ อุโปสถา ทิวเสเนว นิทฺทิฏฺา ทิวเสเนว วุตฺตาติ โยชนา.

สงฺเฆอุโปสโถติ สงฺเฆน กาตพฺพอุโปสโถ. คเณปุคฺคลุโปสโถติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สาธฺยสาธนลกฺขณสฺส สมฺพนฺธสฺส ลพฺภมานตฺตา ‘‘สงฺเฆ’’ติอาทีสุ สามิวจนปฺปสงฺเค ภุมฺมนิทฺเทโส. อุโปสโถ สาธฺโย กมฺมภาวโต, สงฺฆคณปุคฺคลา สาธนํ การกภาวโต.

สุตฺตสฺส อุทฺเทโส สุตฺตุทฺเทโส, สุตฺตุทฺเทโสติ อภิธานํ นามํ ยสฺส โส สุตฺตุทฺเทสาภิธาโน. กมฺเมนาติ กิจฺจวเสน.

๒๕๗๔. ‘‘อธิฏฺาน’’นฺติ วาจฺจลิงฺคมเปกฺขิตฺวา ‘‘นิทฺทิฏฺ’’นฺติ นปุํสกนิทฺเทโส. วาจฺจลิงฺคา หิ ตพฺพาทโยติ ปาติโมกฺโข นิทฺทิฏฺโ, ปาริสุทฺธิ นิทฺทิฏฺาติ ปุมิตฺถิลิงฺเคน โยเชตพฺพา.

๒๕๗๕. วุตฺตาติ ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา, นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ปโม ปาติโมกฺขุทฺเทโส’’ติอาทินา (มหาว. ๑๕๐) เทสิตา, สยฺจ เตสฺจ อุทฺเทเส สงฺเขปโต ทสฺเสตุมาห ‘‘นิทาน’’นฺติอาทิ. สาเวตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘สุเตนา’’ติ เสโส. เสสกนฺติ อนุทฺทิฏฺฏฺานํ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตีติ อิมํ นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ…เป… เอวเมตํ ธารยามี’ติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา…เป… อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๐) –

อฏฺกถาย วุตฺตนเยน อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ.

๒๕๗๖. เสเสสุปีติ อุทฺทิฏฺาเปกฺขาย เสเสสุ ปาราชิกุทฺเทสาทีสุปิ. ‘‘อยเมว นโย เยฺโย’’ติ สามฺเน วุตฺเตปิ ‘‘วิตฺถาเรเนว ปฺจโม’’ติ วจนโต วิตฺถารุทฺเทเส ‘‘สาเวตพฺพํ ตุ เสสก’’นฺติ อยํ นโย น ลพฺภติ. ‘‘สาเวตพฺพํ ตุ เสสก’’นฺติ วจนโต ปาราชิกุทฺเทสาทีสุ ยสฺมึ วิปฺปกเต อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. นิทานุทฺเทเส ปน อนุทฺทิฏฺเ สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถิ. ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อนิยตุทฺเทสสฺส ปริหีนตฺตา ‘‘ภิกฺขุนีนฺจ จตฺตาโร’’ติ วุตฺตํ. อุทฺเทสา นวิเม ปนาติ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ อุภโตปาติโมกฺเข อิเม นว อุทฺเทสา วุตฺตาติ อตฺโถ.

๒๕๗๗. อุโปสเถติ สงฺฆุโปสเถ. อนฺตรายนฺติ ราชนฺตรายาทิกํ ทสวิธํ อนฺตรายํ. ยถาห – ‘‘ราชนฺตราโย โจรนฺตราโย อคฺยนฺตราโย อุทกนฺตราโย มนุสฺสนฺตราโย อมนุสฺสนฺตราโย วาฬนฺตราโย สรีสปนฺตราโย ชีวิตนฺตราโย พฺรหฺมจริยนฺตราโย’’ติ (มหาว. ๑๕๐).

ตตฺถ สเจ ภิกฺขูสุ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๐) นิสินฺเนสุ ราชา อาคจฺฉติ, อยํ ราชนฺตราโย. โจรา อาคจฺฉนฺติ , อยํ โจรนฺตราโย. ทวทาโห อาคจฺฉติ วา, อาวาเส วา อคฺคิ อุฏฺหติ, อยํ อคฺยนฺตราโย. เมโฆ วา อุฏฺเติ, โอโฆ วา อาคจฺฉติ, อยํ อุทกนฺตราโย. พหู มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ มนุสฺสนฺตราโย. ภิกฺขุํ ยกฺโข คณฺหาติ, อยํ อมนุสฺสนฺตราโย. พฺยคฺฆาทโย จณฺฑมิคา อาคจฺฉนฺติ, อยํ วาฬนฺตราโย. ภิกฺขุํ สปฺปาทโย ฑํสนฺติ, อยํ สรีสปนฺตราโย. ภิกฺขุ คิลาโน วา โหติ, กาลํ วา กโรติ, เวริโน วา ตํ มาเรตุํ คณฺหนฺติ, อยํ ชีวิตนฺตราโย. มนุสฺสา เอกํ วา พหุํ วา ภิกฺขู พฺรหฺมจริยา จาเวตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ พฺรหฺมจริยนฺตราโย.

‘‘เจวา’’ติ อิมินา อนฺตราเยว อนฺตรายสฺินา วิตฺถารุทฺเทเส อกเตปิ อนาปตฺตีติ ทีเปติ. อนุทฺเทโสติ วิตฺถาเรน อนุทฺเทโส. นิวาริโตติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อสติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๕๐) ปฏิสิทฺโธ. อิมินา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๐) อิทมฺปิ วิภาวิตํ โหติ.

๒๕๗๘. ตสฺสาติ ปาติโมกฺขสฺส. อิสฺสรณสฺส เหตุมาห ‘‘‘เถราเธยฺย’นฺติ ปาโต’’ติ. เถราเธยฺยนฺติ เถราธีนํ, เถรายตฺตนฺติ อตฺโถ. ปาโตติ ปาฬิวจนโต. ‘‘โย ตตฺถ ภิกฺขุ พฺยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติ (มหาว. ๑๕๕) วจนโต อาห ‘‘อวตฺตนฺเตนา’’ติอาทิ. อวตฺตนฺเตนาติ อนฺตมโส ทฺเวปิ อุทฺเทเส อุทฺทิสิตุํ อสกฺโกนฺเตน. เถเรน โย อชฺฌิฏฺโ, เอวมชฺฌิฏฺสฺส ยสฺส ปน เถรสฺส, นวสฺส, มชฺฌิมสฺส วา โส ปาติโมกฺโข วตฺตติ ปคุโณ โหติ, โส อิสฺสโรติ สมฺพนฺโธ.

อชฺฌิฏฺโติ ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสา’’ติ อาณตฺโต, อิมินา อนาณตฺตสฺส อุทฺทิสิตุํ สามตฺถิยา สติปิ อนิสฺสรภาโว ทีปิโต โหติ. ยถาห – ‘‘สเจ เถรสฺส ปฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา ปาติโมกฺขุทฺเทสา นาคจฺฉนฺติ, ทฺเว ปน อขณฺฑา สุวิสทา วาจุคฺคตา โหนฺติ, เถรายตฺโตว ปาติโมกฺโข. สเจ ปน เอตฺตกมฺปิ วิสทํ กาตุํ น สกฺโกติ, พฺยตฺตสฺส ภิกฺขุโน อายตฺโต โหตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๕).

๒๕๗๙. อุทฺทิสนฺเตติ ปาติโมกฺขุทฺเทสเก ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺเต. สมา วาติ อาวาสิเกหิ คณเนน สมา วา. อปฺปา วาติ อูนา วา. อาคจฺฉนฺติ สเจ ปนาติ สเจ ปน อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ. เสสกนฺติ อนุทฺทิฏฺฏฺานํ.

๒๕๘๐. อุทฺทิฏฺมตฺเตติ อุทฺทิฏฺกฺขเณเยว กถารมฺภโต ปุพฺพเมว. ‘‘วา’’ติ อิทํ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ, อิมินา อวุตฺตํ ‘‘อวุฏฺิตาย วา’’ติ อิมํ วิกปฺปํ สมฺปิณฺเฑติ. อวุฏฺิตาย ปริสายาติ จ ภิกฺขุปริสาย อฺมฺํ สุขกถาย นิสินฺนายเยวาติ อตฺโถ. ปริสายาติ เอตฺถ ‘‘เอกจฺจายา’’ติ จ ‘‘สพฺพายา’’ติ จ เสโส. ภิกฺขูนํ เอกจฺจาย ปริสาย วุฏฺิตาย วา สพฺพาย ปริสาย วุฏฺิตาย วาติ โยชนา. เตสนฺติ วุตฺตปฺปการานํ อาวาสิกานํ. มูเลติ สนฺติเก. ปาริสุทฺธิ กาตพฺพาติ โยชนา. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว…เป… อาคจฺฉนฺติ พหุตรา, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สเจ พหู’’ติ. เอตฺถ ‘‘ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ เสโส. สพฺพวิกปฺเปสุ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ เสสวินิจฺฉโย –

‘‘ปนฺนรโสวาสิกานํ, อิตรานํ สเจตโร;

สมาเนตเรนุวตฺตนฺตุ, ปุริมานํ สเจธิกา;

ปุริมา อนุวตฺตนฺตุ, เตสํ เสเสปฺยยํ นโย.

‘‘ปาฏิปโทวาสิกานํ ,

อิตรานํ อุโปสโถ;

สมโถกานํ สามคฺคึ,

มูลฏฺา เทนฺตุ กามโต.

พหิ คนฺตฺวาน กาตพฺโพ,

โน เจ เทนฺติ อุโปสโถ;

เทยฺยานิจฺฉาย สามคฺคี,

พหูสุ พหิ วา วเช.

‘‘ปาฏิปเทคนฺตุกานํ, เอวเมว อยํ นโย;

สาเวยฺย สุตฺตํ สฺจิจฺจ, อสฺสาเวนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ.

๒๕๘๑. วินิทฺทิฏฺสฺสาติ อาณตฺตสฺส, อิมินา อิตเรสํ อนาปตฺตีติ ทีเปติ. อิธ ‘‘อคิลานสฺสา’’ติ เสโส. เถเรน อาณาเปนฺเตน ‘‘กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺโต วา สทากาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ อฺตโร วา น อุโปสถาคารสมฺมชฺชนตฺถํ อาณาเปตพฺโพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๙) อฏฺกถาย วุตฺตวิธินา อาณาเปตพฺโพ. สเจ อาณตฺโต สมฺมชฺชนึ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ. ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ.

อาสนปฺาปนาณตฺติยมฺปิ วุตฺตนเยเนว อาณาเปตพฺโพ. อาณาเปนฺเตน จ สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สงฺฆิกาวาสโตปิ อาหริตฺวา ปฺเปตฺวา ปุน อาหริตพฺพานิ. อาสเนสุ อสติ กฏสารเกปิ ตฏฺฏิกาโยปิ ปฺเปตุํ วฏฺฏติ, ตฏฺฏิกาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฺเปตพฺพานิ, กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ.

ปทีปกรเณปิ วุตฺตนเยเนว อาณาเปตพฺโพ. อาณาเปนฺเตน จ ‘‘อสุกสฺมึ นาม โอกาเส เตลํ วา วฏฺฏิ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ , ภิกฺขาจาเรนปิ ปริเยสิตพฺพานิ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. อปิจ กปาเล อคฺคิปิ ชาเลตพฺโพ.

๒๕๘๒. ทีปนฺติ เอตฺถ ‘‘ชาเลตฺวา’’ติ เสโส. อถ วา ‘‘กตฺวา’’ติ อิมินา จ โยเชตพฺพํ. คณตฺตึ เปตฺวาติ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, มยํ อฺมฺํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กเรยฺยามา’’ติ เอวํ คณตฺตึ นิกฺขิปิตฺวา. กตฺตพฺโพ ตีหุโปสโถติ ตีหิ ภิกฺขูหิ อุโปสโถ กาตพฺโพ. ตีสุ เถเรน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ทฺเว เอวํ ติกฺขตฺตุเมว วตฺตพฺโพ ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, อาวุโส, ‘ปริสุทฺโธ’ติ มํ ธาเรถา’’ติ (มหาว. ๑๖๘). ทุติเยน, ตติเยน จ ยถากฺกมํ ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, ภนฺเต, ‘ปริสุทฺโธ’ติ มํ ธาเรถา’’ติ ติกฺขตฺตุเมว วตฺตพฺพํ.

๒๕๘๓. ปุพฺพกิจฺจาทีนิ กตฺวา ตฺตึ อฏฺเปตฺวา เถเรน นโว เอวํ ติกฺขตฺตุเมว วตฺตพฺโพ ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, อาวุโส , ‘ปริสุทฺโธ’ติ มํ ธาเรหี’’ติ (มหาว. ๑๖๘), นเวน เถโรปิ ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, ภนฺเต, ‘ปริสุทฺโธ’ติ มํ ธาเรถา’’ติ (มหาว. ๑๖๘) ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺโพ. อิมสฺมึ ปน วาเร ตฺติยา อฏฺปนฺจ ‘‘ธาเรหี’’ติ เอกวจนนิทฺเทโส จาติ เอตฺตโกว วิเสโสติ ตํ อนาทิยิตฺวา ปุคฺคเลน กาตพฺพํ อุโปสถวิธึ ทสฺเสตุมาห ‘‘ปุพฺพกิจฺจํ สมาเปตฺวา, อธิฏฺเยฺย ปเนกโก’’ติ. อธิฏฺเยฺยาติ ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ, ปนฺนรโส’ติ วา ‘จาตุทฺทโส’ติ วา อธิฏฺามี’’ติ อธิฏฺเยฺย. อสฺสาติ อวสาเน วุตฺตปุคฺคลํ สนฺธาย เอกวจนนิทฺเทโส. ยถาวุตฺโต สงฺโฆปิ ตโยปิ ทฺเวปิ อตฺตโน อตฺตโน อนุฺาตํ อุโปสถํ อนฺตรายํ วินา สเจ น กโรนฺติ, เอวเมว อาปตฺติมาปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺโพ.

๒๕๘๔-๕. อิทานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อุโปสถกมฺมานิ, อธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺม’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๔๙) นเยน วุตฺตํ กมฺมจตุกฺกํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อธมฺเมน จ วคฺเคนา’’ติอาทิ. อธมฺเมน วคฺเคน กมฺมํ, อธมฺมโต สมคฺเคน กมฺมํ, ธมฺเมน วคฺเคน กมฺมํ, ธมฺมโต สมคฺเคน กมฺมนฺติ เอตานิ จตฺตาริ อุโปสถสฺส กมฺมานีติ ชิโน อพฺรวีติ โยชนา. จตูสฺวปิ ปเนเตสูติ เอเตสุ จตูสุ กมฺเมสุ ปน. จตุตฺถนฺติ ‘‘สมคฺเคน จ ธมฺมโต’’ติ วุตฺตํ จตุตฺถํ อุโปสถกมฺมํ ‘‘ธมฺมกมฺม’’นฺติ อธิปฺเปตํ.

๒๕๘๖-๗. ตานิ กมฺมานิ วิภาเวตุมาห ‘‘อธมฺเมนิธา’’ติอาทิ. อิธ อิมสฺมึ สาสเน เอตฺถ เอเตสุ จตูสุ อุโปสเถสุ. อธมฺเมน วคฺโค อุโปสโถ กตโมติ กเถตุกามตาปุจฺฉา. ยตฺถ ยสฺสํ เอกสีมายํ ภิกฺขุโน จตฺตาโร วสนฺตีติ โยชนา.

ตตฺร เอกสฺส ปาริสุทฺธึ อานยิตฺวา เต ตโย ชนา ปาริสุทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺติ เจ, เอวํ กโต อุโปสโถ อธมฺโม วคฺคุโปสโถ นามาติ โยชนา, เอกสีมฏฺเหิ จตูหิ สงฺฆุโปสเถ กาตพฺเพ คณุโปสถสฺส กตตฺตา อธมฺโม จ สงฺฆมชฺฌํ วินา คณมชฺฌํ ปาริสุทฺธิยา อคมนโต ตสฺส หตฺถปาสํ อนุปคมเนน วคฺโค จ โหตีติ อตฺโถ.

๒๕๘๘. อธมฺเมน สมคฺโคติ เอตฺถ ‘‘อุโปสโถ กตโม’’ติ อนุวตฺเตตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุโน เอกโต’’ติ ปทจฺเฉโท. ‘‘โหติ อธมฺมิโก’’ติ ปทจฺเฉโท. จตูหิ สมคฺเคหิ สงฺฆุโปสเถ กาตพฺเพ คณุโปสถกรณํ อธมฺโม, หตฺถปาสุปคมนโต สมคฺโค โหติ.

๒๕๘๙-๙๐. โย อุโปสโถ ธมฺเมน วคฺโค โหติ, โส กตโมติ โยชนา. ยตฺถ ยสฺสํ เอกสีมายํ จตฺตาโร ภิกฺขุโน วสนฺติ, ตตฺร เอกสฺส ปาริสุทฺธึ อานยิตฺวา เต ตโย ชนา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺเต เจ, ธมฺเมน วคฺโค อุโปสโถ โหตีติ โยชนา. เอกสีมฏฺเหิ จตูหิ สงฺฆุโปสถสฺส กตตฺตา ธมฺโม, เอกสฺส หตฺถปาสํ อนุปคมเนน วคฺโค จ โหตีติ อตฺโถ.

๒๕๙๑. โย ธมฺมโต สมคฺโค, โส กตโมติ โยชนา. อิธ อิมสฺมึ สาสเน จตฺตาโร ภิกฺขุโน เอกโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ เจ, อยํ ธมฺมโต สมคฺโค อุโปสโถติ มโต อธิปฺเปโตติ โยชนา. จตูหิ สงฺฆุโปสถสฺส กตตฺตา ธมฺโม, เอกสฺสาปิ หตฺถปาสํ อวิชหเนน สมคฺโคติ อธิปฺปาโย.

๒๕๙๒. วคฺเค สงฺเฆ วคฺโคติ สฺิโน, สมคฺเค จ สงฺเฆ วคฺโคติ สฺิโน อุภยตฺถ วิมติสฺส วา อุโปสถํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ อาปตฺติ โหตีติ โยชนา.

๒๕๙๓. เภทาธิปฺปายโตติ ‘‘นสฺสนฺเตเต, วินสฺสนฺเตเต, โก เตหิ อตฺโถ’’ติ เอวํ เภทปุเรกฺขารตาย ‘‘อุโปสถํ กโรนฺตสฺสา’’ติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. ตสฺส ภิกฺขุโน ถุลฺลจฺจยํ โหติ อกุสลพลวตาย จ ถุลฺลจฺจยํ โหตีติ. ยถาห – ‘‘เภทปุเรกฺขารปนฺนรสเก อกุสลพลวตาย ถุลฺลจฺจยํ วุตฺต’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๗๖). วคฺเค วา สมคฺเค วา สงฺเฆ สมคฺโค อิติ สฺิโน อุโปสถํ กโรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ โยชนา. อวเสโส ปเนตฺถ วตฺตพฺพวินิจฺฉโย ปวารณวินิจฺฉยาวสาเน ‘‘ปาริสุทฺธิปฺปทาเนนา’’ติอาทีหิ (วิ. วิ. ๒๖๔๒) เอกโต วตฺตุมิจฺฉนฺเตน น วุตฺโต.

๒๕๙๔-๕. ‘‘อุกฺขิตฺเตนา’’ติอาทิกานิ กรณวจนนฺตานิ ปทานิ ‘‘สหา’’ติ อิมินา สทฺธึ ‘‘อุโปสโถ น กาตพฺโพ’’ติ ปเทน ปจฺเจกํ โยเชตพฺพานิ. อุกฺขิตฺเตนาติ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิตฺตโก, อาปตฺติยา อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตโก, ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตโกติ ติวิเธน อุกฺขิตฺเตน. เอเตสุ หิ ติวิเธ อุกฺขิตฺตเก สติ อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติ.

‘‘คหฏฺเนา’’ติ อิมินา ติตฺถิโยปิ สงฺคหิโต. เสเสหิ สหธมฺมิหีติ ภิกฺขุนี, สิกฺขมานา, สามเณโร, สามเณรีติ จตูหิ สหธมฺมิเกหิ. จุตนิกฺขิตฺตสิกฺเขหีติ เอตฺถ จุโต จ นิกฺขิตฺตสิกฺโข จาติ วิคฺคโห. จุโต นาม อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนโก. นิกฺขิตฺตสิกฺโข นาม สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก.

เอกาทสหีติ ปณฺฑโก, เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ติรจฺฉานคโต, มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, ภิกฺขุนิทูสโก, สงฺฆเภทโก , โลหิตุปฺปาทโก, อุภโตพฺยฺชนโกติ อิเมหิ เอกาทสหิ อภพฺเพหิ.

สภาคาปตฺติเกน วา สห อุโปสโถ น กาตพฺโพ, ปาริวุตฺเถน ฉนฺเทน อุโปสโถ น กาตพฺโพ, กโรโต ทุกฺกฏํ โหตีติ โยชนา. เอวํ อุกฺขิตฺตวชฺชิเตสุ สพฺพวิกปฺเปสุ ทุกฺกฏเมว เวทิตพฺพํ. ‘‘ยํ ทฺเวปิ ชนา วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา อาปตฺตึ อาปชฺชนฺติ, เอวรูปา วตฺถุสภาคา ‘สภาคา’ติ วุจฺจตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๙) วจนโต ‘‘สภาคาปตฺตี’’ติ วตฺถุสภาคาปตฺติเยว คเหตพฺพา.

อุโปสถทิวเส สพฺโพว สงฺโฆ สเจ สภาคาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ,

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส ตทหุโปสเถ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส, ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อาคจฺฉ, มยํ เต สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ – ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อยํ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) จ,

เวมติโก เจ โหติ,

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อยํ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสติ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) จ,

วุตฺตนเยน อุโปสโถ กาตพฺโพ.

เอตฺถ จ สชฺฌุกนฺติ ตทเหวาคมนตฺถาย. คณุโปสถาทีสุปิ เอเสว นโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถาคณฺิปเท ‘‘ยถา สงฺโฆ สภาคํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา สุทฺธํ อลภิตฺวา ‘ยทา สุทฺธํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ทฺวีหิปิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนาปิ ‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ กิรา’’ติ. กิราติ เจตฺถ อนุสฺสวตฺเถ ทฏฺพฺโพ, น ปนารุจิยํ.

ปาริวุตฺเถน ฉนฺเทนาติ ฉนฺทํ อาหริตฺวา กมฺมํ กาตุํ นิสินฺเนนปิ ‘‘อสุภลกฺขณตาทินา เกนจิ การเณน น กริสฺสามี’’ติ วิสฺสฏฺเ ฉนฺเท สเจ ปุน กริสฺสติ, ปุน ฉนฺทปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา กาตพฺพํ. ยถาห – ‘‘เอตสฺมึ ปาริวาสิเย ปุน ฉนฺทปาริสุทฺธึ อนาเนตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๖๗).

๒๕๙๖. อเทเสตฺวาปนาปตฺตินฺติ อาปนฺนํ อาปตฺตึ อเทเสตฺวา. นาวิกตฺวาน เวมตินฺติ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลาสุ อาปตฺตีสุ เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตา อาปตฺติโย ปฏิกริสฺสามี’’ติ วิมตึ อนาโรเจตฺวา. ‘‘ยทา นิพฺเพมติโกติ เอตฺถ สเจ ปเนส นิพฺเพมติโก น โหติ, วตฺถุํ กิตฺเตตฺวาว เทเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๙) อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ เทสนาวิธิ – สเจ เมฆจฺฉนฺเน สูริเย ‘‘กาโล นุ โข, วิกาโล’’ติ เวมติโก ภุฺชติ, เตน ภิกฺขุนา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เวมติโก ภุฺชึ, สเจ กาโล อตฺถิ, สมฺพหุลา ทุกฺกฏา อาปตฺติโย อาปนฺโนมฺหิ. โน เจ อตฺถิ, สมฺพหุลา ปาจิตฺติยาปตฺติโย อาปนฺโนมฺหี’’ติ เอวํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ยา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ สมฺพหุลา ทุกฺกฏา วา ปาจิตฺติยา วา อาปตฺติโย อาปนฺโน, ตา ตุมฺหมูเล ปฏิเทเสมี’’ติ วตฺตพฺพํ. เอเสว นโย สพฺพาปตฺตีสูติ.

คณฺิปเทสุ ปเนวํ วินิจฺฉโย วุตฺโต – ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ โสตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๗๐) วจนโต ยาว นิพฺเพมติโก น โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ. อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ‘‘ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพเมวา’’ติ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน น โทโส. ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๑๗๐) เอตฺถาปิ เอเสว นโยติ.

๒๕๙๗. อุโปสเถติ ทินการกกตฺตพฺพาการวเสน ปนฺนรสี, สงฺฆุโปสโถ, สุตฺตุทฺเทโสติ อิเมหิ ตีหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคเต อุโปสเถ. สภิกฺขุมฺหา จ อาวาสาติ ‘‘ยสฺมึ อุโปสเถ กิจฺจ’’นฺติอาทินา วกฺขมานปฺปการา สภิกฺขุกา อาวาสา. อิธ ‘‘อนาวาสา’’ติ เสโส. อาวาโส วา อนาวาโส วาติ เอตฺถ ‘‘อภิกฺขุโก วา นานาสํวาสเกหิ สภิกฺขุโก วา’’ติ จ น คนฺตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘อฺตฺร สงฺเฆน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติ จ เสโส. ‘‘อนาวาโส’’ติ อุโทสิตาทโย วุตฺตา. ภิกฺขุนา อุโปสเถ สภิกฺขุมฺหา อาวาสา วา อนาวาสา วา อภิกฺขุโก วา นานาสํวาสเกหิ สภิกฺขุโก วา อาวาโส วา อนาวาโส วา อฺตฺร สงฺเฆน อฺตฺร อนฺตรายา กุทาจนํ กทาจิปิ น คนฺตพฺโพติ โยชนา.

๒๕๙๘. ยสฺมึ อาวาเส ปน อุโปสเถ กิจฺจํ สเจ วตฺตติ, โส อาวาโส ‘‘สภิกฺขุโก นามา’’ติ ปกาสิโตติ โยชนา, อิมินา สเจ ยตฺถ อุโปสโถ น วตฺตติ, โส สนฺเตสุปิ ภิกฺขูสุ อภิกฺขุโก นามาติ ทีเปติ.

๒๕๙๙. อุโปสถสฺส ปโยชนํ, ตปฺปสงฺเคน ปวารณาย จ นิทฺธาเรตุกามตายาห ‘‘อุโปสโถ กิมตฺถายา’’ติอาทิ.

๒๖๐๐. ปฏิกฺโกเสยฺยาติ นิวาเรยฺย. อเทนฺตสฺสปิ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ ‘‘โกเปตุํ ธมฺมิกํ กมฺม’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๒๖๐๑. โส จาติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) จตุวคฺคาทิปฺปเภเทน ปฺจวิโธ โส สงฺโฆ จ. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน กตฺตพฺพกมฺมานํ วเสน ปริทีปิโต, น ฉพฺพคฺคาทีนํ กาตุํ อยุตฺตตาทสฺสนวเสน.

๒๖๐๒. จตุวคฺคาทิเภทนิพนฺธนํ กมฺมํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ปวารณ’’นฺติอาทิ. ปวารณฺจ ตถา อพฺภานฺจ อุปสมฺปทฺจ เปตฺวา จตุวคฺเคน อกตฺตพฺพํ กมฺมํ น วิชฺชตีติ โยชนา.

๒๖๐๓. มชฺฌเทเส อุปสมฺปทา มชฺฌเทสูปสมฺปทา, ตํ. อพฺภานํ, มชฺฌเทสูปสมฺปทฺจ วินา ปฺจวคฺเคน สพฺพํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา.

๒๖๐๔. กิฺจิปิ กมฺมํ น น กตฺตพฺพนฺติ โยชนา, สพฺพมฺปิ กมฺมํ กตฺตพฺพเมวาติ อตฺโถ. ทฺเว ปฏิเสธา ปกตตฺถํ คมยนฺตีติ. วีสติวคฺเคน สงฺเฆน สพฺเพสมฺปิ กมฺมานํ กตฺตพฺพภาเว กิมตฺถํ อติเรกวีสติวคฺคสฺส คหณนฺติ อาห ‘‘อูเน โทโสติ าเปตุํ, นาธิเก อติเรกตา’’ติ. ยถาวุตฺเต จตุพฺพิเธ สงฺเฆ คณนโต อูเน โทโส โหติ, อธิเก โทโส น โหตีติ าเปตุํ อติเรกตา ทสฺสิตา, อติเรกวีสติวคฺคสงฺโฆ ทสฺสิโตติ อธิปฺปาโย.

๒๖๐๕. จตุวคฺเคน กตฺตพฺเพ ปกตตฺตาว จตฺตาโร กมฺมปฺปตฺตาติ ทีปิตาติ โยชนา. เสสา ปกตตฺตา ฉนฺทารหาติ เสโส. ปกตตฺตาติ อนุกฺขิตฺตา เจว อนฺติมวตฺถุํ อนชฺฌาปนฺนา จ คเหตพฺพา. เสเสสุ จาติ ปฺจวคฺคาทีสุปิ.

๒๖๐๖. จตุวคฺคาทิกตฺตพฺพกมฺมํ อสํวาสปุคฺคลํ คณปูรํ กตฺวา กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหติ. น เกวลํ ทุกฺกฏเมว, กตฺจ กมฺมํ กุปฺปตีติ โยชนา.

๒๖๐๗. ปริวาสาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน มูลายปฏิกสฺสนาทีนํ คหณํ. ตตฺรฏฺนฺติ ปริวาสาทีสุ ิตํ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘กตํ กุปฺปติ ทุกฺกฏ’’นฺติ อิทํ อนุวตฺเตติ. เสสํ ตูติ ปริวาสาทิกมฺมโต อฺํ ปน อุโปสถาทิกมฺมํ . วฏฺฏตีติ เต ปาริวาสิกาทโย คณปูรเก กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ.

อุโปสถกฺขนฺธกกถาวณฺณนา.