📜
วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกกถาวณฺณนา
๒๖๐๘. วสฺสูปนายิกา วุตฺตาติ เสโส. ปจฺฉิมา จาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท นิทสฺสเน. วสฺสูปนายิกาติ วสฺสูปคมนา. อาลโย, วจีเภโท วา กาตพฺโพ อุปคจฺฉตาติ อิมินา วสฺสูปคมนปฺปกาโร ทสฺสิโต. อุปคจฺฉตา อาลโย กตฺตพฺโพ, วจีเภโท วา กตฺตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. อุปคจฺฉนฺเตน จ เสนาสเน อสติ ‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺตํ วา กาตพฺพํ, เสนาสเน สติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ จ ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ จ วจีเภโท วา กาตพฺโพติ อตฺโถ.
๒๖๐๙. ชานํ วสฺสูปคมนํ อนุปคจฺฉโต วาปีติ โยชนา. เตมาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ปุริมํ วา ปจฺฉิมํ วา’’ติ เสโส. จรนฺตสฺสาปีติ เอตฺถ ‘‘จาริก’’นฺติ เสโส. ปุริมํ วา เตมาสํ ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ อวสิตฺวาว จาริกํ จรนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏนฺติ โยชนา. เตมาสนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ยถาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุริมํ วา เตมาสํ ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ อวสิตฺวา จาริกา ปกฺกมิตพฺพา, โย ปกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๕).
๒๖๑๐. รุกฺขสฺส ¶ สุสิเรติ เอตฺถ ‘‘สุทฺเธ’’ติ เสโส. ยถาห – ‘‘รุกฺขสุสิเรติ เอตฺถ สุทฺเธ รุกฺขสุสิเรเยว น วฏฺฏติ, มหนฺตสฺส ปน รุกฺขสุสิรสฺส อนฺโต ปทรจฺฉทนํ กุฏิกํ ¶ กตฺวา ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘รุกฺขสฺส สุสิเร’’ติ อิมินา รุกฺเขกเทโส วิฏโปปิ สงฺคหิโต, โสปิ สุทฺโธว น วฏฺฏติ. ยถาห – ‘‘รุกฺขวิฏภิยาติ เอตฺถาปิ สุทฺเธ วิฏปมตฺเต น วฏฺฏติ, มหาวิฏเป ปน อฏฺฏกํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ปทรจฺฉทนํ กุฏิกํ กตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๓).
‘‘ฉตฺเตติ เอตฺถาปิ จตูสุ ถมฺเภสุ ฉตฺตํ เปตฺวา อาวรณํ กตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏติ, ฉตฺตกุฏิกา นาเมสา โหติ. จาฏิยาติ เอตฺถาปิ มหนฺเตน กปลฺเลน ฉตฺเต วุตฺตนเยน กุฏึ กตฺวาว อุปคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาวจนโต เอวมกตาสุ สุทฺธฉตฺตจาฏีสุ นิวารณํ เวทิตพฺพํ. ฉวกุฏีติ ฏงฺกิตมฺจาทโย วุตฺตา. ยถาห – ‘‘ฉวกุฏิกา นาม ฏงฺกิตมฺจาทิเภทา กุฏิ, ตตฺถ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๓).
สุสาเน ปน อฺํ กุฏิกํ กตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘ฉวสรีรํ ฌาเปตฺวา ฉาริกาย, อฏฺิกานฺจ อตฺถาย กุฏิกา กรียตี’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ ฉวกุฏิ วุตฺตา. ‘‘ฏงฺกิตมฺโจติ กสิกุฏิกาปาสาณฆรนฺติ ลิขิต’’นฺติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๐๓) วชิรพุทฺธิตฺเถโร. จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กโต เคโหปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ. ทีเฆ มฺจปาเท มชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ปเวเสตฺวา มฺจํ กโรนฺตีติ ตสฺส อิทํ อุปริ, อิทํ เหฏฺาติ นตฺถิ, ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ สุสาเน, เทวฏฺาเน จ เปนฺติ, อยมฺปิ ฏงฺกิตมฺโจ นาม.
๒๖๑๑. ‘‘สติ ปจฺจยเวกลฺเล, สรีราผาสุตาย วา’’ติ อวเสสนฺตรายานํ วกฺขมานตฺตา ‘‘อนฺตราโย’’ติ อิมินา ราชนฺตรายาทิ ทสวิโธ คเหตพฺโพ.
๒๖๑๒-๔. ‘‘อนุชานามิ ¶ , ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตุํ, ปเคว ปหิเต ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา มาตุยา จ ปิตุสฺส จา’’ติ (มหาว. ๑๙๘) วุตฺตนยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘มาตาปิตูน’’นฺติอาทิ.
มาตาปิตูนํ ¶ ทสฺสนตฺถํ, ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ ทสฺสนตฺถํ วา เนสํ อตฺเถ สติ วา เนสํ อนฺตเร คิลานํ ทฏฺุํ วา ตทุปฏฺากานํ ภตฺตาทึ ปริเยสนตฺถํ วา เนสํ ภตฺตาทึ ปริเยสนตฺถํ วา ตถา เนสํ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อฺตรํ อนภิรตํ อุกฺกณฺิตํ อหํ คนฺตฺวา วูปกาเสสฺสํ วา วูปกาสาเปสฺสามิ วา ธมฺมกถมสฺส กริสฺสามีติ วา ตสฺส ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อฺตรสฺส อุฏฺิตํ อุปฺปนฺนํ ทิฏฺึ วิเวเจสฺสามิ วา วิเวจาเปสฺสามิ วา ธมฺมกถมสฺส กริสฺสามีติ วา ตถา อุปฺปนฺนํ กุกฺกุจฺจํ วิโนเทสฺสามีติ วา วิโนทาเปสฺสามีติ วา ธมฺมกถมสฺส กริสฺสามีติ วา เอวํ วินยฺุนา ภิกฺขุนา สตฺตาหกิจฺเจน อเปสิเตปิ คนฺตพฺพํ, ปเคว ปหิเตติ โยชนา.
ภตฺตาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน เภสชฺชปริเยสนาทึ สงฺคณฺหาติ. ยถาห – ‘‘คิลานภตฺตํ วา ปริเยสิสฺสามิ, คิลานุปฏฺากภตฺตํ วา ปริเยสิสฺสามิ, คิลานเภสชฺชํ วา ปริเยสิสฺสามิ, ปุจฺฉิสฺสามิ วา อุปฏฺหิสฺสามิ วา’’ติ. วูปกาเสสฺสนฺติ ยตฺถ อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ตโต อฺตฺถ คเหตฺวา คมิสฺสามีติ อตฺโถ.
วิโนเทสฺสามหนฺติ วาติ เอตฺถ วา-สทฺเทน ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน โหติ ปริวาสารโห, โส เจ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปหิเณยฺย ‘อหฺหิ ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน ปริวาสารโห, อาคจฺฉนฺตุ ภิกฺขู, อิจฺฉามิ ¶ ภิกฺขูนํ อาคต’นฺติ. คนฺตพฺพํ, ภิกฺขเว, สตฺตาหกรณีเยน อปฺปหิเตปิ, ปเคว ปหิเต ‘ปริวาสทานํ อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ วา อนุสฺสาเวสฺสามิ วา คณปูรโก วา ภวิสฺสามี’’ติอาทินยํ (มหาว. ๑๙๓) สงฺคณฺหาติ. เอวํ สตฺตาหกิจฺเจน คจฺฉนฺเตน อนฺโตอุปจารสีมาย ิเตเนว ‘‘อนฺโตสตฺตาเห อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตพฺพํ. สเจ อาโภคํ อกตฺวา อุปจารสีมํ อติกฺกมติ, ฉินฺนวสฺโส โหตีติ วทนฺติ.
๒๖๑๕. ‘‘อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโย’’ติ อฏฺกถาคตํ รตฺติจฺเฉทวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘วสฺสํ อุปคเตเนตฺถา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สตฺตาหกิจฺจาธิกาเร. อยํ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย ทฏฺพฺโพติ อตฺโถ.
๒๖๑๖. ‘‘อสุกํ นาม ทิวส’’นฺติอาทินา นิมนฺตนาการํ วกฺขติ. ปุพฺพนฺติ ปมํ. วฏฺฏตีติ ¶ สตฺตาหกิจฺเจน คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถาห – ‘‘สเจ เอกสฺมึ มหาวาเส ปมํเยว กติกา กตา โหติ ‘อสุกทิวสํ นาม สนฺนิปติตพฺพ’นฺติ, นิมนฺติโตเยว นาม โหติ, คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๙๙). ‘‘อุปาสเกหิ ‘อิมสฺมึ นาม ทิวเส ทานาทีนิ กโรม, สพฺเพ เอว สนฺนิปตนฺตู’ติ กติกายปิ กตาย คนฺตุํ วฏฺฏติ, นิมนฺติโตเยว นาม โหตี’’ติ เกจิ.
๒๖๑๗. ภณฺฑกนฺติ อตฺตโน จีวรภณฺฑํ. น วฏฺฏตีติ สตฺตาหกิจฺเจน คนฺตุํ น วฏฺฏติ. ปหิณนฺตีติ จีวรโธวนาทิกมฺเมน ปหิณนฺติ. อาจริยุปชฺฌายานํ อาณตฺติเยน เกนจิ อนวชฺชกิจฺเจน สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อิมินาว ทีปิตํ โหติ.
๒๖๑๘. อุทฺเทสาทีนมตฺถายาติ ¶ ปาฬิวาจนานิ สนฺธาย. อาทิ-สทฺเทน ปริปุจฺฉาทึ สงฺคณฺหาติ. ครูนนฺติ อคิลานานมฺปิ อาจริยุปชฺฌายานํ. คนฺตุํ ลภตีติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ ลภติ. ปุคฺคโลติ ปกรณโต ภิกฺขุํเยว คณฺหาติ.
๒๖๑๙. อาจริโยติ นิทสฺสนมตฺตํ, อุปชฺฌาเยน นิวาริเตปิ เอเสว นโย. ‘‘สเจ ปน นํ อาจริโย ‘อชฺช มา คจฺฉา’ติ วทติ, วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๙๙) อฏฺกถานยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘รตฺติจฺเฉเท อนาปตฺติ, โหตีติ ปริทีปิตา’’ติ. รตฺติจฺเฉเทติ วสฺสจฺเฉทนิมิตฺตํ. ‘‘รตฺติจฺเฉเท’’ติ สพฺพตฺถ วสฺสจฺเฉโทติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา วทนฺติ, เอวํ สตฺตาหกรณีเยน คตํ นํ อนฺโตสตฺตาเหเยว ปุน อาคจฺฉนฺตํ สเจ อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย, วสฺสจฺเฉโท ปน โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ สตฺตาหสฺส พหิทฺธา วีตินามิตตฺตา.
๒๖๒๐. ยสฺส กสฺสจิ าติสฺสาติ มาตาปิตูหิ อฺสฺส าติชนสฺส. ‘‘คจฺฉโต ทสฺสนตฺถายา’’ติ อิมินา เสสาติเกหิ ‘‘มยํ คิลานา ภทนฺตานํ อาคมนํ อิจฺฉามา’’ติ จ ‘‘อุปฏฺากกุเลหิ ทานํ ทสฺสาม, ธมฺมํ โสสฺสาม, ภิกฺขูนํ ทสฺสนํ อิจฺฉามา’’ติ จ เอวํ กตฺตพฺพํ นิทฺทิสิตฺวา ทูเต วา เปสิเต สตฺตาหกรณีเยน คจฺฉโต รตฺติจฺเฉโท จ ทุกฺกฏฺจ น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส าตโก คิลาโน โหติ…เป… คนฺตพฺพํ, ภิกฺขเว, สตฺตาหกรณีเยน ปหิเต, น ตฺเวว อปฺปหิเต’’ติ (มหาว. ๑๙๙) จ ¶ ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อุปาสเกน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหาโร การาปิโต โหติ…เป… อิจฺฉามิ ทานฺจ ¶ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ภิกฺขู จ ปสฺสิตุนฺติ. คนฺตพฺพํ, ภิกฺขเว, สตฺตาหกรณีเยน ปหิเต, น ตฺเวว อปฺปหิเต’’ติ (มหาว. ๑๘๘) จ.
๒๖๒๑. ‘‘อหํ คามกํ คนฺตฺวา อชฺเชว อาคมิสฺสามี’’ติ อาคจฺฉํ อาคจฺฉนฺโต สเจ ปาปุณิตุํ น สกฺโกเตว, วฏฺฏตีติ โยชนา. วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺเชว อาคมิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามคฺเค สเจ อรุณุคฺคมนํ โหติ, วสฺสจฺเฉโทปิ น โหติ, รตฺติจฺเฉททุกฺกฏฺจ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
๒๖๒๒. วเชติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๓) โคปาลกานํ นิวาสนฏฺาเน. สตฺเถติ ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺถานํ สนฺนิวิฏฺโกาเส. ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน, วสฺสจฺเฉเท อนาปตฺตีติ เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ อาปตฺติ, เตหิ วิยฺุชิตฺวา คมเน ปน อาปตฺติเยว, ปวาเรตฺุจ น ลภติ.
วชาทีสุ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตน วสฺสูปนายิกทิวเส เตน ภิกฺขุนา อุปาสกา วตฺตพฺพา ‘‘กุฏิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. สเจ กริตฺวา เทนฺติ, ตตฺถ ปวิสิตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ. โน เจ เทนฺติ, สาลาสงฺเขเปน ิตสกฏสฺส เหฏฺา อุปคนฺตพฺพํ. ตมฺปิ อลภนฺเตน อาลโย กาตพฺโพ. สตฺเถ ปน กุฏิกาทีนํ อภาเว ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺตเมว วฏฺฏติ. อาลโย นาม ‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺตํ.
สเจ มคฺคปฺปฏิปนฺเนเยว สตฺเถ ปวารณทิวโส โหติ, ตตฺเถว ปวาเรตพฺพํ. อถ สตฺโถ อนฺโตวสฺเสเยว ภิกฺขุนา ปตฺถิตฏฺานํ ปตฺวา อติกฺกมติ. ปตฺถิตฏฺาเน ¶ วสิตฺวา ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวาเรตพฺพํ. อถาปิ สตฺโถ อนฺโตวสฺเสเยว อนฺตรา เอกสฺมึ คาเม ติฏฺติ วา วิปฺปกิรติ วา, ตสฺมึเยว คาเม ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสิตฺวา ปวาเรตพฺพํ, อปฺปวาเรตฺวา ตโต ปรํ คนฺตุํ น วฏฺฏติ.
นาวาย วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตนาปิ กุฏิยํเยว อุปคนฺตพฺพํ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺเต อาลโย กาตพฺโพ ¶ . สเจ อนฺโตเตมาสํ นาวา สมุทฺเทเยว โหติ, ตตฺเถว ปวาเรตพฺพํ. อถ นาวา กูลํ ลภติ, สยฺจ ปรโต คนฺตุกาโม โหติ, คนฺตุํ น วฏฺฏติ. นาวาย ลทฺธคาเมเยว วสิตฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวาเรตพฺพํ. สเจปิ นาวา อนุตีรเมว อฺตฺถ คจฺฉติ, ภิกฺขุ จ ปมํ ลทฺธคาเมเยว วสิตุกาโม, นาวา คจฺฉตุ, ภิกฺขุนา ตตฺเถว วสิตฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวาเรตพฺพํ.
อิติ วเช, สตฺเถ, นาวายนฺติ ตีสุ าเนสุ นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺติ, ปวาเรตฺุจ ลภติ.
๒๖๒๓. สติ ปจฺจยเวกลฺเลติ ปิณฺฑปาตาทีนํ ปจฺจยานํ อูนตฺเต สติ. สรีราผาสุตาย วาติ สรีรสฺส อผาสุตาย อาพาเธ วา สติ. วสฺสํ เฉตฺวาปิ ปกฺกเมติ วสฺสจฺเฉทํ กตฺวาปิ ยถาผาสุกฏฺานํ คจฺเฉยฺย. อปิ-สทฺเทน วสฺสํ อเฉตฺวา วสฺสจฺเฉทการเณ สติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทีเปติ.
๒๖๒๔. เยน เกนนฺตราเยนาติ ราชนฺตรายาทีสุ เยน เกนจิ อนฺตราเยน. โย ภิกฺขุ วสฺสํ โนปคโต, เตนาปิ ฉินฺนวสฺเสน วาปิ ทุติยา วสฺสูปนายิกา อุปคนฺตพฺพาติ โยชนา.
๒๖๒๕-๖. สตฺตาหนฺติ ¶ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ‘‘วีตินาเมตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อุปคนฺตฺวาปิ วา พหิทฺธา เอว สตฺตาหํ วีตินาเมติ เจ. โย คจฺฉติ, โย จ วีตินาเมติ, ตสฺส ภิกฺขุสฺส. ปุริมาปิ น วิชฺชตีติ อนุปคตตฺตา, ฉินฺนวสฺสตฺตา จ ปุริมาปิ วสฺสูปนายิกา น วิชฺชติ น ลภติ. อิเมสํ ทฺวินฺนํ ยถากฺกมํ อุปจาราติกฺกเม, สตฺตาหาติกฺกเม จ อาปตฺติ เวทิตพฺพา.
ปฏิสฺสเว จ ภิกฺขุสฺส, โหติ อาปตฺติ ทุกฺกฏนฺติ ‘‘อิธ วสฺสํ วสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺส วิสํวาเท อสจฺจาปเน อาปตฺติ โหติ. กตมาติ อาห ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ. น เกวลํ เอตสฺเสว วิสํวาเท อาปตฺติ โหติ, อถ โข อิตเรสมฺปิ ปฏิสฺสวานํ วิสํวาเท อาปตฺติ เวทิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ น เกวลํ ‘อิมํ เตมาสํ อิธ วสฺสํ วสถา’ติ เอตสฺเสว ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาเท อาปตฺติ, ‘อิมํ ¶ เตมาสํ ภิกฺขํ คณฺหถ, อุโภปิ มยํ อิธ วสฺสํ วสิสฺสาม, เอกโตว อุทฺทิสาเปสฺสามา’ติ เอวมาทินาปิ ตสฺส ตสฺส ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาเท ทุกฺกฏ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๗). ตฺจ โข ปฏิสฺสวกาเล สุทฺธจิตฺตสฺส ปจฺฉา วิสํวาทนปจฺจยา โหติ. ปมํ อสุทฺธจิตฺตสฺส ปน ปฏิสฺสเว ปาจิตฺติยํ, วิสํวาเทน ทุกฺกฏนฺติ ปาจิตฺติเยน สทฺธึ ทุกฺกฏํ ยุชฺชติ.
๒๖๒๗. ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปน อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺสาปิ อนฺโตสตฺตาเห นิวตฺตนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๗) อฏฺกถาวจนโต, ‘‘โก วาโท วสิตฺวา พหิ คจฺฉโต’’ติ วกฺขมานตฺตา ¶ จ ‘‘นุฏฺาเปตฺวา ปนารุณ’’นฺติ ปาโ คเหตพฺโพ. กตฺถจิ โปตฺถเกสุ ‘‘อุฏฺาเปตฺวา ปนารุณ’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น คเหตพฺโพ.
๒๖๒๘. วสิตฺวาติ ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา. ยถา วสฺสํ วสิตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวาว สตฺตาหกรณีเยน คจฺฉโต อนาปตฺติ, ตถา คตฏฺานโต อนฺโตสตฺตาเห อาคนฺตฺวา ปุนปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวาว สตฺตาหกรณีเยน คจฺฉโต อนาปตฺติ. ‘‘สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๑) อฏฺกถาวจนํ สตฺตมารุเณน ปฏิพทฺธทิวสํ สตฺตเมน อรุเณเนว สงฺคเหตฺวา สตฺตมอรุณพฺภนฺตเร อนาคนฺตฺวา อฏฺมํ อรุณํ พหิ อุฏฺาเปนฺตสฺส รตฺติจฺเฉททสฺสนปรํ, น สตฺตมอรุณสฺเสว ตตฺถ อุฏฺาเปตพฺพภาวทสฺสนปรนฺติ คเหตพฺพํ สิกฺขาภาชนอฏฺกถาย, สีหฬคณฺิปเทสุ จ ตถา วินิจฺฉิตตฺตา.
๒๖๒๙. ‘‘โนเปติ อสติยา’’ติ ปทจฺเฉโท, โนเปตีติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภเทน น อุปคจฺฉติ.
๒๖๓๐. วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถตุมาห ‘‘น โทโส โกจิ วิชฺชตี’’ติ.
๒๖๓๑. ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วจเน นิจฺฉาริเต เอว วสฺสํ อุปคโต สิยาติ โยชนา. ‘‘นิจฺฉาริเตว ติกฺขตฺตุ’’นฺติ อิทํ อุกฺกํสวเสน วุตฺตํ, สกึ, ทฺวิกฺขตฺตุํ วา นิจฺฉาริเตปิ วสฺสูปคโต นาม โหตีติ. ยถาห – ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ ¶ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมีติ สกึ วา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วา วาจํ นิจฺฉาเรตฺวาว วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๔).
๒๖๓๒. นวมิโต ¶ ปฏฺาย คนฺตุํ วฏฺฏติ, อาคจฺฉตุ วา มา วา, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๗) อฏฺกถานยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อาทึ ตุ นวมึ กตฺวา’’ติอาทิ. นวมึ ปภุติ อาทึ กตฺวา, นวมิโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. คนฺตุํ วฏฺฏตีติ สตฺตาหกรณีเยเนว คนฺตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ปวารณทิวเสปิ ตทเหว อาคนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยฏฺานํ ปวารณตฺถาย คจฺฉนฺเตน ลพฺภมาเนน สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘ปวาเรตฺวา ปน คนฺตุํ วฏฺฏติ ปวารณาย ตํทิวสสนฺนิสฺสิตตฺตา’’ติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๐๗) หิ วชิรพุทฺธิตฺเถโร. โส ปจฺฉา อาคจฺฉตุ วา มา วา, โทโส น วิชฺชตีติ โยชนา.
วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกกถาวณฺณนา.