📜

ปวารณกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

๒๖๓๓. ‘‘ปวารณา’’ติ อิทํ ‘‘จาตุทฺทสี’’ติอาทีหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. ตสฺมึ ตสฺมึ ทิเน กาตพฺพา ปวารณา อเภโทปจาเรน ตถา วุตฺตา. สามคฺคี อุโปสถกฺขนฺธกกถาวณฺณนาย วุตฺตสรูปาว. สามคฺคิปวารณํ กโรนฺเตหิ จ ปมํ ปวารณํ เปตฺวา ปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว กตฺติกจาตุมาสิปุณฺณมา เอตฺถนฺตเร กาตพฺพา, ตโต ปจฺฉา วา ปุเร วา น วฏฺฏติ. เตวาจี ทฺเวกวาจีติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต…เป… เตวาจิกํ ปวาเรยฺย, ทฺเววาจิกํ ปวาเรยฺย, เอกวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ ตํ ตํ ตฺตึ เปตฺวา กาตพฺพา ปวารณา วุจฺจติ.

๒๖๓๔. ตีณิ กมฺมานิ มุฺจิตฺวา, อนฺเตเนว ปวารเยติ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ปวารณกมฺมานิ, อธมฺเมน วคฺคํ ปวารณกมฺมํ…เป… ธมฺเมน สมคฺคํ ปวารณกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๑๒) วตฺวา ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว , ยทิทํ อธมฺเมน วคฺคํ ปวารณกมฺมํ, น, ภิกฺขเว, เอวรูปํ ปวารณกมฺมํ กาตพฺพํ…เป… ตตฺร, ภิกฺขเว, ยทิทํ ธมฺเมน สมคฺคํ ปวารณกมฺมํ, เอวรูปํ, ภิกฺขเว, ปวารณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๒๑๒) ตีณิ อกตฺตพฺพานิ ปวารณกมฺมานิ มุฺจิตฺวา กาตุํ อนุฺาเตน จตุตฺเถน ปวารณกมฺเมน ปวาเรยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺส วิภาเคกเทสํ ‘‘ปฺจ ยสฺมึ ปนาวาเส’’ติอาทินา วกฺขติ.

๒๖๓๕. ปุพฺพกิจฺจํ สมาเปตฺวาติ –

‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;

ปวารณาย เอตานิ, ‘ปุพฺพกรณ’นฺติ วุจฺจติ.

‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;

ปวารณาย เอตานิ, ‘ปุพฺพกิจฺจ’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. –

วุตฺตํ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา.

ปตฺตกลฺเล สมานิเตติ –

‘‘ปวารณา ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา,

สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;

วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ,

‘ปตฺตกลฺล’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. –

วุตฺเต จตุพฺพิเธ ปตฺตกลฺเล สโมธานิเต ปริสมาปิเต.

ตฺตึ เปตฺวาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อชฺช ปวารณา, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติ (มหาว. ๒๑๐) เอวํ สพฺพสงฺคาหิกวเสน จ ‘‘เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ จ ทานาทิกรเณน เยภุยฺเยน รตฺติยา เขปิตาย จ ราชาทิอนฺตราเย สติ จ ตทนุรูปโต ‘‘ทฺเววาจิกํ, เอกวาจิกํ, สมานวสฺสิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ จ ตฺตึ เปตฺวา , ตาสํ วิเสโส อฏฺกถายํ ทสฺสิโตเยว. ยถาห –

‘‘เอวฺหิ วุตฺเต เตวาจิกฺจ ทฺเววาจิกฺจ เอกวาจิกฺจ ปวาเรตุํ วฏฺฏติ, สมานวสฺสิกํ น วฏฺฏติ. ‘เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’ติ วุตฺเต ปน เตวาจิกเมว วฏฺฏติ, อฺํ น วฏฺฏติ, ‘ทฺเววาจิกํ ปวาเรยฺยา’ติ วุตฺเต ทฺเววาจิกฺจ เตวาจิกฺจ วฏฺฏติ, เอกวาจิกฺจ สมานวสฺสิกฺจ น วฏฺฏติ. ‘เอกวาจิกํ ปวาเรยฺยา’ติ วุตฺเต ปน เอกวาจิกทฺเววาจิกเตวาจิกานิ วฏฺฏนฺติ, สมานวสฺสิกเมว น วฏฺฏติ. ‘สมานวสฺสิก’นฺติ วุตฺเต สพฺพํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๑๐).

กาตพฺพาติ เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘สงฺฆํ, อาวุโส, ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา…เป… ตติยมฺปิ อาวุโส, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา…เป… ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๒๑๐) วุตฺตนเยน กาตพฺพา. นวเกน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา…เป… ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามีติ (มหาว. ๒๑๐) วุตฺตนเยน กาตพฺพา.

๒๖๓๖. เถเรสุ ปวาเรนฺเตสุ โย ปน นโว, โส สยํ ยาว ปวาเรติ, ตาว อุกฺกุฏิกํ นิสีเทยฺยาติ โยชนา.

๒๖๓๗. จตฺตาโร วา ตโยปิ วา เอกาวาเส เอกสีมายํ วสนฺติ เจ, ตฺตึ วตฺวา ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต, อชฺช ปวารณา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, มยํ อฺมฺํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๑๖) คณตฺตึ เปตฺวา ปวาเรยฺยุนฺติ โยชนา.

ปวาเรยฺยุนฺติ เอตฺถ เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เต ตโย วา ทฺเว วา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา ‘‘อหํ, อาวุโส, อายสฺมนฺเต ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามิ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ อหํ, อาวุโส, อายสฺมนฺเต ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๒๑๖) ปวาเรตพฺพํ. นเวนปิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺเต ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ อุปาทาย , ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามิ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺเต ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามี’’ติ ปวาเรตพฺพํ.

๒๖๓๘. อฺมฺํ ปวาเรยฺยุํ, วินา ตฺตึ ทุเว ชนา. เตสุ เถเรน ‘‘อหํ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตุ มํ อายสฺมา อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามิ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ อหํ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ…เป… ปฏิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๒๑๗) ปวาเรตพฺพํ. นเวนปิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ…เป… วทตุ มํ อายสฺมา อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสามิ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ…เป… ปฏิกริสฺสามี’’ติ ปวาเรตพฺพํ.

อธิฏฺเยฺยาติ ปุพฺพกิจฺจํ สมาเปตฺวา ‘‘อชฺช เม ปวารณา จาตุทฺทสี’’ติ วา ‘‘ปนฺนรสี’’ติ วา วตฺวา ‘‘อธิฏฺามี’’ติ อธิฏฺเยฺย . ยถาห ‘‘อชฺช เม ปวารณาติ เอตฺถ สเจ จาตุทฺทสิกา โหติ, ‘อชฺช เม ปวารณา จาตุทฺทสี’ติ, สเจ ปนฺนรสิกา, ‘อชฺช เม ปวารณา ปนฺนรสี’ติ เอวํ อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๒๑๘), อิมินา สพฺพสงฺคาหาทิตฺตีสุ จ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิวเส โส โส โวหาโร กาตพฺโพติ ทีปิตเมว.

เสสา สงฺฆปวารณาติ ปฺจหิ, อติเรเกหิ วา ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพา ปวารณา สงฺฆปวารณา.

๒๖๓๙. ปวาริเตติ ปมปวารณาย ปวาริเต. อนาคโตติ เกนจิ อนฺตราเยน ปุริมิกาย จ ปจฺฉิมิกาย จ วสฺสูปนายิกาย วสฺสํ อนุปคโต. อวุตฺโถติ ปจฺฉิมิกาย อุปคโต. วุตฺตฺหิ ขุทฺทสิกฺขาวณฺณนาย ‘‘อวุตฺโถติ ปจฺฉิมิกาย อุปคโต อปรินิฏฺิตตฺตา ‘อวุตฺโถ’ติ วุจฺจตี’’ติ. ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กเรยฺยาติ โยชนา. เอตฺถ ‘‘เตสํ สนฺติเก’’ติ เสโส.

๒๖๔๐-๑. ยสฺมึ ปนาวาเส ปฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา สมณา วสนฺติ, เต ตตฺถ เอเกกสฺส ปวารณํ หริตฺวาน สเจ อฺมฺํ ปวาเรนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏนฺติ โยชนา.

เสสนฺติ ‘‘อธมฺเมน สมคฺค’’นฺติอาทิกํ วินิจฺฉยํ. อิธาติ อิมสฺมึ ปวารณาธิกาเร. พุโธติ วินยธโร. อุโปสเถ วุตฺตนเยนาติ อุโปสถวินิจฺฉเย วุตฺตกฺกเมน. นเยติ ชาเนยฺย.

๒๖๔๒. สมฺปาเทตตฺตโน สุจินฺติ อตฺตโน อุโปสถํ สมฺปาเทติ. สพฺพํ สาเธตีติ อุโปสถาทิสพฺพํ กมฺมํ นิปฺผาเทติ. นตฺตโนติ อตฺตโน อุโปสถํ น นิปฺผาเทติ.

๒๖๔๓. ตสฺมาติ ยสฺมา อตฺตโน สุจึ น สาเธติ, ตสฺมา. อุภินฺนนฺติ อตฺตโน จ สงฺฆสฺส จ. กิจฺจสิทฺธตฺถเมวิธาติ อุโปสถาทิกมฺมนิปฺปชฺชนตฺถํ อิธ อิมสฺมึ อุโปสถกมฺมาทิปกรเณ. ปาริสุทฺธิปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน ปวารณา สงฺคหิตา. เตเนว วกฺขติ ‘‘ฉนฺทํ วา ปาริสุทฺธึ วา, คเหตฺวา วา ปวารณ’’นฺติ.

ฉนฺทปาริสุทฺธิปวารณํ เทนฺเตน สเจ สาปตฺติโก โหติ, อาปตฺตึ เทเสตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ฉนฺทาทิหารโก ภิกฺขุ วตฺตพฺโพ ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมิ, ฉนฺทํ เม หร, ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๕), ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๔), ‘‘ปวารณํ ทมฺมิ, ปวารณํ เม หร, ปวารณํ เม อาโรเจหิ, มมตฺถาย ปวาเรหี’’ติ (มหาว. ๒๑๓).

๒๖๔๔. ‘‘ฉนฺโท เอเกนา’’ติ ปทจฺเฉโท. เอเกน พหูนมฺปิ ฉนฺโท หาตพฺโพ, ตถา ปาริสุทฺธิ หาตพฺพา. ปิ-สทฺเทน ปวารณา หาตพฺพาติ โยชนา. ปรมฺปราหโฏ ฉนฺโทติ พหูนํ วา เอกสฺส วา ฉนฺทาทิหารกสฺส หตฺถโต อนฺตรา อฺเน คหิตา ฉนฺทปาริสุทฺธิปวารณา. วิสุทฺธิยา น คจฺฉติ อนวชฺชภาวาย น ปาปุณาติ พิฬาลสงฺขลิกฉนฺทาทีนํ สงฺฆมชฺฌํ อคมเนน วคฺคภาวกรณโต.

เอตฺถ จ ยถา พิฬาลสงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํ ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมิเมปิ ฉนฺทาทโย ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉตีติ พิฬาลสงฺขลิกาสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกาคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๖๔๕-๖. ฉนฺทํ วา ปาริสุทฺธึ วา ปวารณํ วา คเหตฺวา ฉนฺทาทิหารโก สงฺฆมปฺปตฺวา สเจ สามเณราทิภาวํ ปฏิชาเนยฺย วา วิพฺภเมยฺย วา มเรยฺย วา, ตํ สพฺพํ ฉนฺทาทิภาวํ นาหฏํ โหติ, สงฺฆํ ปตฺวา เอวํ สิยา สามเณราทิภาวํ ปฏิชานนฺโต, วิพฺภนฺโต, กาลกโต วา ภเวยฺย, ตํ สพฺพํ หฏํ อานีตํ โหตีติ โยชนา.

ตตฺถ สามเณราทิภาวํ วา ปฏิชาเนยฺยาติ ‘‘อหํ สามเณโร’’ติอาทินา ภูตํ สามเณราทิภาวํ กเถยฺย, ปจฺฉา สามเณรภูมิยํ ปติฏฺเหยฺยาติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺเทน อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน คหิโต.

๒๖๔๗. สงฺฆํ ปตฺวาติ อนฺตมโส ตํตํกมฺมปฺปตฺตสฺส จตุวคฺคาทิสงฺฆสฺส หตฺถปาสํ ปตฺวาติ อตฺโถ. ปมตฺโตติ ปมาทํ สติสมฺโมสํ ปตฺโต. สุตฺโตติ นิทฺทูปคโต. ขิตฺตจิตฺตโกติ ยกฺขาทีหิ วิกฺเขปมาปาทิตจิตฺโต. นาโรเจตีติ อตฺตโน ฉนฺทาทีนํ อาหฏภาวํ เอกสฺสาปิ ภิกฺขุโน น กเถติ. สฺจิจฺจาติ สฺเจเตตฺวา ชานนฺโตเยว อนาทริโย นาโรเจติ, ทุกฺกฏํ โหติ.

๒๖๔๘. เย เตติ เย เต ภิกฺขู เถรา วา นวา วา มชฺฌิมา วา. วิปสฺสนาติ สหจริเยน สมโถปิ คยฺหติ. สมถวิปสฺสนา จ อิธ ตรุณาเยว อธิปฺเปตา, ตสฺมา วิปสฺสนายุตฺตาติ เอตฺถ ตรุณาหิ สมถวิปสฺสนาหิ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. รตฺตินฺทิวนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. อตนฺทิตาติ อนลสา.

‘‘รตฺตินฺทิว’’นฺติ เอตฺถ รตฺติ-สทฺเทน รตฺติยาเยว คหณํ, อุทาหุ เอกเทสสฺสาติ อาห ‘‘ปุพฺพรตฺตาปรรตฺต’’นฺติ. ปุพฺพา จ สา รตฺติ จาติ ปุพฺพรตฺติ, ปมยาโม, อปรา จ สา รตฺติ จาติ อปรรตฺติ, ปจฺฉิมยาโม, ปุพฺพรตฺติ จ อปรรตฺติ จาติ สมาหารทฺวนฺเท สมาสนฺเต อ-การปจฺจยํ กตฺวา ‘‘ปุพฺพรตฺตาปรรตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อิธาปิ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. มชฺฌิมยาเม กายทรถวูปสมนตฺถาย สุปนํ อนุฺาตนฺติ ตํ วชฺเชตฺวา ปุริมปจฺฉิมยาเมสุ นิรนฺตรภาวนานุโยโค กาตพฺโพติ ทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ. วิปสฺสนา ปรายนา สมถวิปสฺสนาว ปรํ อยนํ ปติฏฺา เอเตสนฺติ วิปสฺสนาปรายนา, สมถวิปสฺสนาย ยุตฺตปยุตฺตา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๒๖๔๙. ลทฺโธ ผาสุวิหาโร เยหิ เต ลทฺธผาสุวิหารา, เตสํ. ผาสุวิหาโรติ จ สุขวิหารสฺส มูลการณตฺตา ตรุณา สมถวิปสฺสนา อธิปฺเปตา, ปฏิลทฺธตรุณสมถวิปสฺสนานนฺติ อตฺโถ. สิยา น ปริหานิติ ปริหานิ นาม เอวํ กเต น ภเวยฺย.

กตฺติกมาสเกติ จีวรมาสสงฺขาเต กตฺติกมาเส ปวารณาย สงฺคโห วุตฺโตติ โยชนา. คาถาพนฺธวเสน ‘‘สงฺคาโห’’ติ ทีโฆ กโต, ปวารณาสงฺคโห วุตฺโตติ อตฺโถ. ยถาห –

‘‘ปวารณาสงฺคโห จ นามายํ วิสฺสฏฺกมฺมฏฺานานํ ถามคตสมถวิปสฺสนานํ โสตาปนฺนาทีนฺจ น ทาตพฺโพ. ตรุณสมถวิปสฺสนาลาภิโน ปน สพฺเพ วา โหนฺตุ, อุปฑฺฒา วา, เอกปุคฺคโล วา, เอกสฺสปิ วเสน ทาตพฺโพเยว. ทินฺเน ปวารณาสงฺคเห อนฺโตวสฺเส ปริหาโรว โหติ, อาคนฺตุกา เตสํ เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺติ. เตหิปิ ฉินฺนวสฺเสหิ น ภวิตพฺพํ, ปวาเรตฺวา ปน อนฺตราปิ จาริกํ ปกฺกมิตุํ ลภนฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๔๑).

ปวารณาสงฺคหสฺส ทานปฺปกาโร ปน ปาฬิโต คเหตพฺโพ.

ปวารณกฺขนฺธกกถาวณฺณนา.