📜

เภสชฺชกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

๒๖๖๕. คหปติสฺส ภูมิ, สมฺมุติภูมิ, อุสฺสาวนนฺติกาภูมิ, โคนิสาทิภูมีติ กปฺปิยภูมิโย จตสฺโส โหนฺตีติ วุตฺตา ภควตาติ โยชนา.

๒๖๖๖. กถํ กปฺปิยํ กตฺตพฺพนฺติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตสฺโส กปฺปิยภูมิโย อุสฺสาวนนฺติกํ โคนิสาทิกํ คหปตึ สมฺมุติ’’นฺติ (มหาว. ๒๙๕) เอวํ จตสฺโส ภูมิโย อุทฺธริตฺวา ตาสํ สามฺลกฺขณํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติอาทิ. สงฺฆสฺส สนฺตกํ วาสตฺถาย กตํ เคหํ วา ภิกฺขุโน สนฺตกํ วาสตฺถาย กตํ เคหํ วาติ โยชนา. กปฺปิยํ กตฺตพฺพนฺติ กปฺปิยฏฺานํ กตฺตพฺพํ. สหเสยฺยปฺปโหนกนฺติ สพฺพจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนาทิลกฺขเณน สหเสยฺยารหํ.

๒๖๖๗. อิทานิ จตสฺโสปิ ภูมิโย สรูปโต ทสฺเสตุมาห ‘‘เปตฺวา’’ติอาทิ. ภิกฺขุํ เปตฺวา อฺเหิ กปฺปิยภูมิยา อตฺถาย ทินฺนํ วา เตสํ สนฺตกํ วา ยํ เคหํ, อิทํ เอว คหปติภูมิ นามาติ โยชนา.

๒๖๖๘. ยา ปน กุฏิ สงฺเฆน สมฺมตา ตฺติทุติยาย กมฺมวาจาย, สา สมฺมุติกา นาม. ตสฺสา สมฺมนฺนนกาเล กมฺมวาจํ อวตฺวา อปโลกนํ วา กาตุํ วฏฺฏเตวาติ โยชนา.

๒๖๖๙-๗๐. ปมอิฏฺกาย วา ปมปาสาณสฺส วา ปมตฺถมฺภสฺส วา อาทิ-คฺคหเณน ปมภิตฺติปาทสฺส วา ปเน ปเรสุ มนุสฺเสสุ อุกฺขิปิตฺวา เปนฺเตสุ สมนฺตโต ปริวาเรตฺวา ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรม, กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ อภิกฺขณํ วทนฺเตหิ อามสิตฺวา วา สยเมว อุกฺขิปิตฺวา วา อิฏฺกา เปยฺย ปาสาโณ วา ถมฺโภ วา ภิตฺติปาโท วา เปยฺย เปตพฺโพ, อยํ อุสฺสาวนนฺติกา กุฏีติ โยชนา.

๒๖๗๑. อิฏฺกาทิปติฏฺานนฺติ ปมิฏฺกาทีนํ ภูมิยํ ปติฏฺานํ. วทตนฺติ ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรม, กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วทนฺตานํ. สมกาลํ ตุ วฏฺฏตีติ เอกกาลํ วฏฺฏติ, อิมินา ‘‘สเจ หิ อนิฏฺิเต วจเน ถมฺโภ ปติฏฺาติ, อปฺปติฏฺิเต วา ตสฺมึ วจนํ นิฏฺาติ, อกตา โหติ กปฺปิยกุฏี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๙๕) อฏฺกถาวินิจฺฉโย สูจิโต.

๒๖๗๒. อาราโม สกโล อปริกฺขิตฺโต วา เยภุยฺยโต อปริกฺขิตฺโต วาติ ทุวิโธปิ วิฺูหิ วินยธเรหิ ‘‘โคนิสาที’’ติ วุจฺจติ. ปเวสนิวารณาภาเวน ปวิฏฺานํ คุนฺนํ นิสชฺชาโยคโต ตถา วุจฺจตีติ โยชนา.

๒๖๗๓. ปโยชนํ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอตฺถ ปกฺกฺจา’’ติอาทิ. อามิสนฺติ ปุริมกาลิกทฺวยํ. ‘‘อามิส’’นฺติ อิมินา นิรามิสํ อิตรกาลิกทฺวยํ อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถมฺปิ ปกฺกมฺปิ กปฺปตีติ ทีเปติ.

๒๖๗๔-๕. อิมา กปฺปิยกุฏิโย กทา ชหิตวตฺถุกา โหนฺตีติ อาห ‘‘อุสฺสาวนนฺติกา ยา สา’’ติอาทิ. ยา อุสฺสาวนนฺติกา เยสุ ถมฺภาทีสุ อธิฏฺิตา, สา เตสุ ถมฺภาทีสุ อปนีเตสุ ตทฺเสุปิ ถมฺภาทีสุ ติฏฺตีติ โยชนา.

สพฺเพสุ ถมฺภาทีสุ อปนีเตสุ สา ชหิตวตฺถุกา สิยาติ โยชนา. โคนิสาทิกุฏิ ปริกฺขิตฺตา วติอาทีหิ ชหิตวตฺถุกา สิยา. ปริกฺขิตฺตาติ จ ‘‘อาราโม ปน อุปฑฺฒปริกฺขิตฺโตปิ พหุตรํ ปริกฺขิตฺโตปิ ปริกฺขิตฺโตเยว นามา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๙๕) กุรุนฺทิมหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตตฺตา น เกวลํ สพฺพปริกฺขิตฺตาว, อุปฑฺฒปริกฺขิตฺตาปิ เยภุยฺยปริกฺขิตฺตาปิ คเหตพฺพา.

เสสาติ คหปติสมฺมุติกุฏิโย. ฉทนนาสโต ชหิตวตฺถุกา สิยุนฺติ โยชนา. ฉทนนาสโตติ เอตฺถ ‘‘โคปานสิมตฺตํ เปตฺวา’’ติ เสโส. สเจ โคปานสีนํ อุปริ เอกมฺปิ ปกฺขปาสมณฺฑลํ อตฺถิ, รกฺขติ. ยตฺร ปนิมา จตสฺโสปิ กปฺปิยภูมิโย นตฺถิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพํ? อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ตสฺส สนฺตกํ กตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ.

๒๖๗๖. ภิกฺขุํ เปตฺวา อฺเสํ หตฺถโต ปฏิคฺคโห จ เตสํ สนฺนิธิ จ เตสํ อนฺโตวุตฺถฺจ ภิกฺขุสฺส วฏฺฏตีติ โยชนา.

๒๖๗๗. ภิกฺขุสฺส สนฺตกํ สงฺฆิกมฺปิ วา อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยปฺปโหนเก เคเห อนฺโตวุตฺถฺจ อนฺโตปกฺกฺจ ภิกฺขุสฺส น วฏฺฏติ. ภิกฺขุนิยา สนฺตกํ สงฺฆิกมฺปิ วา อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยปฺปโหนเก เคเห อนฺโตวุตฺถฺจ อนฺโตปกฺกฺจ ภิกฺขุนิยา น วฏฺฏตีติ เอวํ อุภินฺนํ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ น วฏฺฏตีติ โยชนา.

๒๖๗๘. อกปฺปกุฏิยาติ อกปฺปิยกุฏิยา, ‘‘อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยปฺปโหนเก เคเห’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตาย อกปฺปิยภูมิยาติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺเทน นวนีตเตลมธุผาณิตานํ คหณํ.

๒๖๗๙. เตเหว อนฺโตวุตฺเถหิ สปฺปิอาทีหิ สตฺตาหกาลิเกหิ สห ภิกฺขุนา ปกฺกํ ตํ ยาวชีวิกํ นิรามิสํ สตฺตาหํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏเตวาติ โยชนา.

๒๖๘๐. ปกฺกํ สามํปกฺกํ ตํ ยาวชีวิกํ สเจ อามิสสํสฏฺํ ปริภุฺชติ, อนฺโตวุตฺถฺจ ภุฺชติ, กิฺจ ภิยฺโย สามํปกฺกฺจ ภุฺชตีติ โยชนา. ยาวชีวิกสฺส อามิสสํสฏฺสฺส อามิสคติกตฺตา ‘‘อนฺโตวุตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ.

๒๖๘๒. อุทกํ น โหติ กาลิกํ จตูสุ กาลิเกสุ อสงฺคหิตตฺตา.

๒๖๘๓. ติกาลิกา ยาวกาลิกา ยามกาลิกา สตฺตาหกาลิกาติ ตโย กาลิกา ปฏิคฺคหวเสเนว อตฺตโน อตฺตโน กาลํ อติกฺกมิตฺวา ภุตฺตา โทสกรา โหนฺติ, ตติยํ สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวตฺถุตฺตา อภุตฺตมฺปิ โทสกรนฺติ โยชนา.

‘‘ภุตฺตา โทสกรา’’ติ อิมินา ปุริมกาลิกทฺวยํ ปฏิคฺคเหตฺวา กาลาติกฺกมนมตฺเตน อาปตฺติยา การณํ น โหติ, ภุตฺตเมว โหติ. สตฺตาหกาลิกํ กาลาติกฺกเมน อปริภุตฺตมฺปิ อาปตฺติยา การณํ โหตีติ ทีเปติ. เตสุ สตฺตาหกาลิเกเยว วิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อภุตฺตํ ตติยมฺปิ จา’’ติ. -สทฺโท ตุ-สทฺทตฺเถ. ยาวชีวิกํ ปน ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริภุฺชิยมานํ อิตรกาลิกสํสคฺคํ วินา โทสกรํ น โหตีติ น คหิตํ.

๒๖๘๔. อมฺพาทโย สทฺทา รุกฺขานํ นามภูตา ตํตํผเลปิ วตฺตมานา อิธ อุปจารวเสน ตชฺเช ปานเก วุตฺตา, เตเนวาห ‘‘ปานกํ มต’’นฺติ. โจจํ อฏฺิกกทลิปานํ. โมจํ อิตรกทลิปานํ. มธูติ มุทฺทิกผลานํ รสํ. มุทฺทิกาติ สีโตทเก มทฺทิตานํ มุทฺทิกผลานํ ปานํ. ‘‘สาลูกปานนฺติ รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ สาลูเก มทฺทิตฺวา กตปาน’’นฺติ ปาฬิยํ, อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๐) จ สาลูก-สทฺทสฺส ทีฆวเสน สํโยคทสฺสนโต ‘‘สาลุ ผารุสกฺจา’’ติ คาถาพนฺธวเสน รสฺโส กโต.

สาลูกํ กุมุทุปฺปลานํ ผลรสํ. ขุทฺทสิกฺขาวณฺณนายํ ปน ‘‘สาลูกปานํ นาม รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ กิฺชกฺขเรณูหิ กตปาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ผารุสก’นฺติอาทีสุ เอโก รุกฺโข’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ตสฺส ผลรโส ผารุสกํ นาม. เอเตสํ อฏฺนฺนํ ผลานํ รโส อุทกสมฺภินฺโน วฏฺฏติ, สีตุทเก มทฺทิโต ปสนฺโน นิกฺกสโฏว วฏฺฏติ, อุทเกน ปน อสมฺภินฺโน รโส ยาวกาลิโก.

๒๖๘๕. ผลนฺติ อมฺพาทิผลํ. สวตฺถุกปฏิคฺคโหติ ปานวตฺถุกานํ ผลานํ ปฏิคฺคโห. วสติ เอตฺถ ปานนฺติ วตฺถุ, ผลํ, วตฺถุนา สห วฏฺฏตีติ สวตฺถุกํ, ปานํ, สวตฺถุกสฺส ปฏิคฺคโห สวตฺถุกปฏิคฺคโห. สวตฺถุกสฺส ปฏิคฺคหํ นาม วตฺถุปฏิคฺคหณเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปานวตฺถุกานํ ผลานํ ปฏิคฺคโห’’ติ.

๒๖๘๖. ‘‘สุโกฏฺเฏตฺวา’’ติ วุจฺจมานตฺตา ‘‘อมฺพปกฺก’’นฺติ อามกเมว อมฺพผลํ วุจฺจติ . อุทเกติ สีโตทเก. ปริสฺสวํ ปริสฺสาวิตํ. กตฺวาติ มธุอาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา. ยถาห – ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตหิ มธุสกฺกรกปฺปูราทีหิ โยเชตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๐). ปาตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ วินิจฺฉโย ‘‘เอวํ กตํ ปุเรภตฺตเมว กปฺปติ, อนุปสมฺปนฺเนหิ กตํ ลภิตฺวา ปน ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภเคนาปิ วฏฺฏติ, ปจฺฉาภตฺตํ นิรามิสปริโภเคน ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏติเยว. เอส นโย สพฺพปาเนสู’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺโต.

๒๖๘๗. เสสปานเกสุปีติ ชมฺพุปานกาทีสุปิ.

๒๖๘๘. อุจฺฉุรโส อนฺโตคธตฺตา อิธ วุตฺโต, น ปน ยามกาลิกตฺตา, โส ปน สตฺตาหกาลิโกเยว.

๒๖๘๙. มธุกสฺส รสนฺติ มธุกปุปฺผสฺส รสํ. เอตฺถ มธุกปุปฺผรโส อคฺคิปาโก วา โหตุ อาทิจฺจปาโก วา, ปจฺฉาภตฺตํ น วฏฺฏติ. ปุเรภตฺตมฺปิ ยํ ปานํ คเหตฺวา มชฺชํ กโรนฺติ, โส อาทิโต ปฏฺาย น วฏฺฏติ. มธุกปุปฺผํ ปน อลฺลํ วา สุกฺขํ วา ภชฺชิตํ วา เตน กตผาณิตํ วา ยโต ปฏฺาย มชฺชํ น กโรนฺติ, ตํ สพฺพํ ปุเรภตฺตํ วฏฺฏติ.

ปกฺกฑากรสนฺติ ปกฺกสฺส ยาวกาลิกสฺส รสํ. สพฺโพ ปตฺตรโส ยามกาลิโก วุตฺโตติ โยชนา. อฏฺกถายํ ‘‘ยาวกาลิกปตฺตานฺหิ ปุเรภตฺตํเยว รโส กปฺปตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๐) อิมเมว สนฺธาย วุตฺตํ.

๒๖๙๐. สานุโลมานํ สตฺตนฺนํ ธฺานํ ผลชํ รสํ เปตฺวา สพฺโพ ผลโช รโส วิกาเล ยามสฺิเต อนุโลมโต ปริภุฺชิตุํ อนุฺาโตติ โยชนา.

๒๖๙๑. ยาวกาลิกปตฺตานํ สีตุทเก มทฺทิตฺวา กโต รโสปิ อปกฺโก, อาทิจฺจปาโกปิ วิกาเล ปน วฏฺฏตีติ โยชนา.

๒๖๙๒-๓. สตฺตธฺานุโลมานิ สรูปโต ทสฺเสตุมาห ‘‘ตาลฺจนาฬิเกรฺจา’’ติอาทิ. อปรณฺณํ มุคฺคาทิ. ‘‘สตฺตธฺานุโลมิก’’นฺติ อิมินา เอเตสํ รโส ยาวกาลิโก ยามกาลสงฺขาเต วิกาเล ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ.

๒๖๙๕. เอวมาทีนํ ขุทฺทกานํ ผลานํ รโส ปน อฏฺปานานุโลมตฺตา อนุโลมิเก ยามกาลิกานุโลมิเก นิทฺทิฏฺโ กถิโตติ โยชนา.

๒๖๙๖. อิธ อิมสฺมึ โลเก สานุโลมสฺส ธฺสฺส ผลชํ รสํ เปตฺวา อยามกาลิโก อฺโ ผลรโส นตฺถีติ โยชนา, สพฺโพ ยามกาลิโกเยวาติ ทีเปติ.

เภสชฺชกฺขนฺธกกถาวณฺณนา.