📜
จตุพฺพิธกมฺมกถาวณฺณนา
๒๙๘๓. อปโลกนสฺิตํ ¶ กมฺมํ, ตฺติกมฺมํ, ตฺติทุติยกมฺมํ, ตฺติจตุตฺถกมฺมนฺติ อิมานิ ¶ จตฺตาริ กมฺมานีติ โยชนา. ตตฺถ จตฺตารีติ คณนปริจฺเฉโท. อิมานีติ อนนฺตรเมว วกฺขมานตฺตา อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ. กมฺมานีติ ปริจฺฉินฺนกมฺมนิทสฺสนํ. ‘‘อปโลกนสอต’’นฺติอาทิ เตสํ สรูปทสฺสนํ.
ตตฺรายํ สงฺเขปโต วินิจฺฉโย (จูฬว. อฏฺ. ๒๑๕; ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) – อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ตํ ตํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺมํ วุจฺจติ. ตฺติกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ตฺติยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ. ตฺติทุติยกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ตฺติยา, เอกาย จ อนุสฺสาวนายาติ เอวํ ตฺติทุติยาย อนุสฺสาวนาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ. ตฺติจตุตฺถกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ตฺติยา, ตีหิ จ อนุสฺสาวนาหีติ เอวํ ตฺติจตุตฺถาหิ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ กตฺตพฺพํ กมฺมํ. ตฺติ ทุติยา ยสฺส อนุสฺสาวนสฺส ตํ ตฺติทุติยํ, เตน กตฺตพฺพํ กมฺมํ ตฺติทุติยกมฺมํ. ตฺติ จตุตฺถา ยสฺส อนุสฺสาวนตฺตยสฺส ตํ ตฺติจตุตฺถํ, เตน กาตพฺพํ กมฺมํ ตฺติจตุตฺถกมฺมํ.
๒๙๘๔-๗. เตสํ านวเสน เภทํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปโลกนกมฺม’’นฺติอาทิ. นวนฺนํ านานํ สมาหาโร นวฏฺานํ, ‘‘คจฺฉตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตฺติกมฺมนฺติ คมนกิริยากตฺตุนิทสฺสนํ ¶ . นวฏฺานนฺติ กมฺมนิทสฺสนํ. ทุติยนฺติ ตฺติทุติยกมฺมํ. สตฺต านานิ คจฺฉตีติ โยชนา.
อิทานิ ตํ านเภทํ สรูปโต ทสฺเสตุมาห ‘‘นิสฺสารณฺจา’’ติอาทิ. นิสฺสารณาทิ กมฺมวิเสสานํ สฺา. อปโลกนกมฺมฺหิ นิสฺสารณํ…เป… ปฺจมํ กมฺมลกฺขณนฺติ อิมานิ ปฺจ านานิ คจฺฉตีติ โยชนา.
เอวํ นามวเสน ทสฺสิตานิ นิสฺสารณาทีนิ อตฺถโต วิภชิตฺวา ทสฺเสตุมาห ‘‘นิสฺสารณฺจา’’ติอาทิ. สมณุทฺเทสโตติ กณฺฏกสามเณรโต นิสฺสารณฺจ โอสารณฺจ วเทติ โยชนา. ตตฺถ กณฺฏกสามเณรสฺส นิสฺสารณา ตาทิสานํเยว สมฺมาวตฺตํ ทิสฺวา ปเวสนา ‘‘โอสารณา’’ติ เวทิตพฺพา.
ปพฺพชนฺเตน ¶ เหตุภูเตน ภณฺฑุกํ ภณฺฑุกมฺมปุจฺฉนํ วเทยฺยาติ อตฺโถ. ปพฺพชฺชาเปกฺขสฺส เกสจฺเฉทนปุจฺฉนํ ภณฺฑุกมฺมํ นาม. ฉนฺเนน เหตุภูเตน พฺรหฺมทณฺฑกํ กมฺมํ วเทติ โยชนา. ตถารูปสฺสาติ ฉนฺนสทิสสฺส มุขรสฺส ภิกฺขู ทุรุตฺตวจเนน ฆฏฺเฏนฺตสฺส. กาตพฺโพติ ‘‘ภนฺเต, อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ มุขโร ภิกฺขู ทุรุตฺตวจเนหิ ฆฏฺเฏนฺโต วิหรติ, โส ภิกฺขุ ยํ อิจฺเฉยฺย, ตํ วเทยฺย. ภิกฺขูหิ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เนว วตฺตพฺโพ, น โอวทิตพฺโพ, น อนุสาสิตพฺโพ. สงฺฆํ, ภนฺเต, ปุจฺฉามิ ‘อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติ. ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ… ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ ‘อิตฺถนฺนามสฺส, ภนฺเต, ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) เอวํ พฺรหฺมทณฺโฑ กาตพฺโพ.
๒๙๘๘-๙. ‘‘อาปุจฺฉิตฺวานา’’ติ ปุพฺพกิริยาย ‘‘คหิตายา’’ติ อปรกิริยา อชฺฌาหริตพฺพา, ‘‘รุจิยา’’ติ เอตสฺส ¶ วิเสสนํ. เทตีติ เอตฺถ ‘‘อจฺฉินฺนจีวราทีน’’นฺติ เสโส. สพฺโพ สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวาน สพฺพโส สพฺเพ สีมฏฺเ อาคตาคเต ภิกฺขู อาปุจฺฉิตฺวาน ‘‘อิตฺถนฺนาเมน ปริกฺขาเรน ภวิตพฺพํ, รุจฺจติ ตสฺส ทาน’’นฺติ วิสุํ ปุจฺฉิตฺวา คหิตาย ภิกฺขูนํ รุจิยา ติกฺขตฺตุํ อปโลเกตฺวา จีวราทิปริกฺขารํ อจฺฉินฺนจีวราทีนํ เทติ, ยํ เอวํภูตํ สงฺฆสฺส ทานํ, ตํ ตสฺส อปโลกนกมฺมสฺส กมฺมลกฺขณํ โหตีติ โยชนา. ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, กมฺมเมว ลกฺขณํ, น นิสฺสารณาทีนีติ กมฺมลกฺขณํ.
๒๙๙๐-๑. เอวํ อปโลกนกมฺมสฺส ปฺจ านานิ อุทฺเทสนิทฺเทสวเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตฺติกมฺมสฺส กมฺมลกฺขณํ ตาว ทสฺเสตุมาห ‘‘นิสฺสารณ’’นฺติอาทิ. อิติ ‘‘ตฺติยา นว านานี’’ติ อยมุทฺเทโส วกฺขมาเนน ‘‘วินิจฺฉเย’’ติอาทินิทฺเทเสเนว วิภาวียติ.
๒๙๙๒. วินิจฺฉเยติ อุพฺพาหิกวินิจฺฉเย. อสมฺปตฺเตติ นิฏฺํ อคเต. เถรสฺสาติ ธมฺมกถิกสฺส. เตเนวาห ‘‘อวินยฺุโน’’ติ. ตสฺส ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ธมฺมกถิโก, อิมสฺส เนว สุตฺตํ อาคจฺฉติ, โน สุตฺตวิภงฺโค, โส อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหติ, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ วุฏฺาเปตฺวา อวเสสา อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ (จูฬว. ๒๓๓) เอวํ อุพฺพาหิกวินิจฺฉเย ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุโน ยา นิสฺสรณา วุตฺตา, สา ตฺติกมฺเม ‘‘นิสฺสารณา’’ติ วุตฺตาติ โยชนา.
๒๙๙๓-๔. อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ¶ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปกฺโข ¶ , อนุสิฏฺโ โส มยา, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อาคจฺเฉยฺยาติ. อาคจฺฉาหี’’ติ (มหาว. ๑๒๖) วจนปฏิสํยุตฺตสฺส สงฺฆสฺส สมฺมุขานยนํ, สา โอสารณา นาม. ‘‘อาคจฺฉ โอสารณา’’ติ ปทจฺเฉโท.
อุโปสถวเสนาปิ, ปวารณาวเสนาปิ. ตฺติยา ปิตตฺตาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺย’’ (มหาว. ๑๓๔), ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อชฺช ปวารณา ปนฺนรสี, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติ (มหาว. ๒๑๐) อุโปสถปวารณาวเสน ตฺติยา ปิตตฺตา อุโปสโถ, ปวารณา วาติ อิมานิ ทฺเว ตฺติกมฺมานิ.
‘‘อุปสมฺปทาเปกฺขฺหิ, อนุสาเสยฺยหนฺติ จา’’ติ อิมินา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปกฺโข, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๒๖) อยํ เอกา ตฺติ คหิตา.
๒๙๙๕. ‘‘อิตฺถนฺนามมหํ ภิกฺขุํ, ปุจฺเฉยฺยํ วินยนฺติ จา’’ติ อิมินา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๕๑) อยํ เอกา ตฺติ คหิตา. เอวมาทีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธมฺเม ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๒๖), ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธมฺเม ปุจฺเฉยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุจฺเฉยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๕๑), ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ ¶ (มหาว. ๑๕๒), ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺยา’’ติ – (มหาว. ๑๕๒) อิมา ฉ ตฺติโย คหิตา. เอวํ ปุริมา ทฺเว, อิมา จ ฉาติ เอทิสา อิมา อฏฺ ตฺติโย ‘‘สมฺมุตี’’ติ วุตฺตา.
๒๙๙๖. นิสฺสฏฺจีวราทีนํ ทานนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสคฺคิยํ สงฺฆสฺส นิสฺสฏฺํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ¶ ทเทยฺยา’’ติ (ปารา. ๔๖๔) เอวํ นิสฺสฏฺจีวรปตฺตาทีนํ ทานํ ‘‘ทาน’’นฺติ วุจฺจติ. อาปตฺตีนํ ปฏิคฺคาโหติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อาปตฺตึ สรติ วิวรติ อุตฺตานึ กโรติ เทเสติ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺตึ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ (จูฬว. ๒๓๙), ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺตึ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ (จูฬว. ๒๓๙). เตน วตฺตพฺโพ ‘‘ปสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ. ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ. เอวํ อาปตฺตีนํ ปฏิคฺคาโห ‘‘ปฏิคฺคาโห’’ติ วุจฺจติ.
๒๙๙๗. ปวารุกฺกฑฺฒนาติ ปวารณุกฺกฑฺฒนา. คาถาพนฺธวเสน ณ-การโลโป. อถ วา ปวารณํ ปวาโรติ ปวารณ-สทฺทปริยาโย ปวาร-สทฺโท. ‘‘อิมํ อุโปสถํ กตฺวา, กาเฬ ปวารยามี’’ติ อิมินา ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) อยํ ตฺติ อุปลกฺขณโต ทสฺสิตา. เอวํ กตปวารณา ‘‘ปจฺจุกฺกฑฺฒนา’’ติ มตา. เอตฺถ จ กาเฬติ ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขุโปสเถ. อิมินา จ ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ อยํ ¶ ตฺติ จ อุปลกฺขิตา. ชุณฺเหติ อปรกตฺติกชุณฺหปกฺขอุโปสเถ.
๒๙๙๘. ติณวตฺถารเกติ ติณวตฺถารกสมเถ. สพฺพปมา ตฺตีติ สพฺพสงฺคาหิกา ตฺติ วุจฺจติ. อิตรา จาติ อุภยปกฺเข ปจฺเจกํ ปิตา ทฺเว ตฺติโย จาติ เอวํ ติธา ปวตฺตํ เอตํ ตฺติกมฺมํ กมฺมลกฺขณํ อิติ เอวํ วุตฺตนเยน ‘‘วินิจฺฉเย’’ติอาทินา ตฺติยา นว านานิ เวทิตพฺพานีติ โยชนา.
๒๙๙๙-๓๐๐๐. เอวํ ตฺติกมฺเม นว านานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตฺติทุติยกมฺเม สตฺต านานิ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตฺติทุติยกมฺมมฺปี’’ติอาทิ. ‘‘ตฺติทุติยกมฺม’’นฺติอาทิกา อุทฺเทสคาถา อุตฺตานตฺถาว.
นิทฺเทเส ปตฺตนิกฺกุชฺชนาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปตฺตุกฺกุชฺชนํ คหิตํ. นิสฺสาโรสารณา มตาติ ‘‘นิสฺสารณา, โอสารณา’’ติ จ มตา. ตตฺถ ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกนาทิเกหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส อุปาสกสฺส สงฺเฆน อสมฺโภคกรณตฺถํ ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน นิสฺสารณา จ ¶ ตสฺเสว สมฺมา วตฺตนฺตสฺส ปตฺตุกฺกุชฺชนวเสน โอสารณา จ เวทิตพฺพา. สา ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก วฑฺฒลิจฺฉวิวตฺถุสฺมึ (จูฬว. ๒๖๕) วุตฺตา.
๓๐๐๑. สีมาทิสมฺมุติ สมฺมุติ นาม. สา ปฺจทสธา มตาติ สีมาสมฺมุติ ติจีวเรนอวิปฺปวาสสมฺมุติ สนฺถตสมฺมุติ ภตฺตุทฺเทสก เสนาสนคฺคาหาปก ภณฺฑาคาริก จีวรปฏิคฺคาหก ยาคุภาชก ผลภาชก ขชฺชภาชก อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชก สาฏิยคฺคาหาปก ปตฺตคฺคาหาปก อารามิกเปสก สามเณรเปสกสมฺมุตีติ เอวํ สา สมฺมุติ ปฺจทสวิธา ¶ มตาติ อตฺโถ. กถินสฺส วตฺถํ, ตสฺส. มโตเยว มตโก, มตกสฺส วาโส มตกวาโส, ตสฺส มตกวาสโส, มตกจีวรสฺส.
๓๐๐๒. อานิสํสเขตฺตภูตปฺจมาสพฺภนฺตเรเยว อุพฺภาโร อนฺตรุพฺภาโร. กุฏิวตฺถุสฺส, วิหารสฺส วตฺถุโน จ เทสนา เทสนา นามาติ โยชนา.
๓๐๐๓. ติณวตฺถารเก ทฺวินฺนํ ปกฺขานํ สาธารณวเสน เปตพฺพตฺติ จ ปจฺฉา ปกฺขทฺวเย วิสุํ วิสุํ เปตพฺพา ทฺเว ตฺติโย จาติ ติสฺโส ตฺติโย กมฺมวาจาย อภาเวน ตฺติกมฺเม ‘‘กมฺมลกฺขณ’’นฺติ ทสฺสิตา, ปจฺฉา วิสุํ วิสุํ ทฺวีสุ ปกฺเขสุ วตฺตพฺพา ทฺเว ตฺติทุติยกมฺมวาจา ตฺติทุติยกมฺเม ‘‘กมฺมลกฺขณ’’นฺติ ทสฺสิตาติ ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ติณวตฺถารเก กมฺเม’’ติ. ‘‘โมหาโรปนตาทิสู’’ติ อิมินา ปาจิตฺติเยสุ ทสฺสิตโมหาโรปนกมฺมฺจ อฺวาทกวิเหสกาโรปนกมฺมาทิฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ ตฺติทุติยกมฺเม. กมฺมลกฺขณเมว กมฺมลกฺขณตา.
๓๐๐๔-๕. อิติ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน อิเม สตฺต านเภทา ตฺติทุติยกมฺมสฺส. เอวํ ตฺติทุติยกมฺเม สตฺต านานิ ทสฺเสตฺวา ตฺติจตุตฺถกมฺเม านเภทํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตถา’’ติอาทิ.
๓๐๐๖. ตชฺชนาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน นิยสฺสาทีนํ คหณํ. เตสํ สตฺตนฺนํ กมฺมานํ. ปสฺสทฺธิ วูปสโม.
๓๐๐๗. ‘‘ภิกฺขุนีนํ ¶ โอวาโท’’ติ ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ ผลูปจาเรน วุตฺตา.
๓๐๐๘-๙. มูลปฏิกฺกสฺโส ¶ มูลาย ปฏิกสฺสนา, คาถาพนฺธวเสน ก-การสฺส ทฺเวภาโว. อุกฺขิตฺตสฺสานุวตฺติกาติ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา เอกา ยาวตติยกา, อฏฺ สงฺฆาทิเสสา, อริฏฺโ จณฺฑกาฬี จ ทฺเว, อิเม เอกาทส ยาวตติยกา ภวนฺติ. อิเมสํ วสาติ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาทีนิ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน วุตฺตานิ, อิเมสํ สมนุภาสนกมฺมานํ วเสน. ทเสกาติ เอกาทส.
๓๐๑๑. เอวํ จตุนฺนมฺปิ กมฺมานํ านเภทํ ทสฺเสตฺวา อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ กาตพฺพปฺปการํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปโลกนกมฺมฺจา’’ติอาทิ. ตฺติยาปิ น การเย, ตฺติทุติเยนปิ น การเยติ โยชนา.
๓๐๑๒. อปโลกนกมฺเม วุตฺตลกฺขเณน ตฺติกมฺมาทีนมฺปิ กาตพฺพปฺปกาโร สกฺกา วิฺาตุนฺติ ตํ อทสฺเสตฺวา ตฺติทุติยกมฺเม ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตฺติทุติยกมฺมานี’’ติอาทิ. อปโลเกตฺวา กาตพฺพานิ ลหุกานิปิ ตฺติทุติยกมฺมานิ อตฺถีติ โยชนา. ตานิ ปน กตมานีติ อาห ‘‘สพฺพา สมฺมุติโย สิยุ’’นฺติ. เอตฺถ สีมาสมฺมุตึ วินา เสสา ติจีวเรนอวิปฺปวาสสมฺมุติอาทโย สพฺพาปิ สมฺมุติโยติ อตฺโถ.
๓๐๑๓. เสสานีติ ยถาวุตฺเตหิ เสสานิ สีมาสมฺมุติอาทีนิ ฉ กมฺมานิ. น วฏฺฏตีติ น วฏฺฏนฺติ, คาถาพนฺธวเสน น-การโลโป. ยถาห ‘‘สีมาสมฺมุติ, สีมาสมูหนนํ, กถินทานํ, กถินุทฺธาโร, กุฏิวตฺถุเทสนา, วิหารวตฺถุเทสนาติ อิมานิ ฉ กมฺมานิ ครุกานิ อปโลเกตฺวา กาตุํ น วฏฺฏนฺติ, ตฺติทุติยกมฺมวาจํ สาเวตฺวาว ¶ กาตพฺพานี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒). ‘‘อปโลเกตฺวา กาตุํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตฺติจตุตฺถกมฺมวเสนาปิ กาตุํ น วฏฺฏนฺเตว. เตเนวาห ‘‘ยถาวุตฺตนเยเนว, เตน เตเนว การเย’’ติ, โย โย นโย ตํ ตํ กมฺมํ กาตุํ วุตฺโต, เตเนว เตเนว นเยนาติ อตฺโถ.
จตุพฺพิธกมฺมกถาวณฺณนา.