📜

ลกฺขณกถาวณฺณนา

๘๓๗. อิโตติ สาธารณาสาธารณกถาย ปรํ. สพฺพคนฺติ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณํ. วทโต เมติ วทโต มม วจนํ. นิโพธถาติ นิสาเมถ, เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา สกฺกจฺจํ สุณาถาติ อตฺโถ.

๘๓๘-๙. ‘‘วิปตฺติ อาปตฺติ อนาปตฺตี’’ติ ปทจฺเฉโท. ‘‘อาณตฺติ องฺค’’นฺติ ปทจฺเฉโท. วชฺชกมฺมปเภทกนฺติ วชฺชปเภทกํ กมฺมปเภทกํ. ติกทฺวยนฺติ กุสลตฺติกเวทนาตฺติกทฺวยํ. สพฺพตฺถาติ อิทํ ปน สตฺตรสวิธสพฺพสาธารณลกฺขณํ. สพฺพตฺถ สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ.

๘๔๐. อิธ อิมสฺมึ สตฺตรสวิเธ ยํ ลกฺขณํ ปุพฺเพ วุตฺตนยํ, ยฺจ อุตฺตานํ, ตํ สพฺพํ วชฺเชตฺวา อตฺถโชตนํ อตฺถปฺปกาสนํ กริสฺสามีติ โยชนา.

๘๔๑. นิทานํ นาม ราชคหาทิสิกฺขาปทปฺตฺติฏฺานภูตานิ สตฺต นครานิ, ตํ ปุพฺเพ ทสฺสิตนฺติ อวสิฏฺานิ ทสฺเสตุมาห ‘‘ปุคฺคโล’’ติอาทิ. ปุคฺคโล นาม กตโม? ยํ ยํ ภิกฺขุนึ, ภิกฺขุฺจ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, อยํ ภิกฺขุนี จ ภิกฺขุ จ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อาทิกมฺมิโก ปุคฺคโลติ วุจฺจตีติ โยชนา.

๘๔๒. ธนิยาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สมฺพหุลา ภิกฺขู, วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู, เสยฺยสโก, อุทายี, อาฬวกา ภิกฺขู, ฉนฺโน, เมตฺติยภูมชกา, เทวทตฺโต, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู, อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต, อฺตโร ภิกฺขุ, หตฺถโก สกฺยปุตฺโต, อนุรุทฺโธ, สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู, จูฬปนฺถโก, เพลฏฺสีโส, อายสฺมา อานนฺโท, สาคตตฺเถโร, อริฏฺโ ภิกฺขุ, อายสฺมา อานนฺโทติ อิเม เอกวีสติ สงฺคหิตา.

๘๔๓. ถุลฺลนนฺทาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สุนฺทรีนนฺทา, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย, อฺตรา ภิกฺขุนี, จณฺฑกาฬี, สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย, ทฺเว ภิกฺขุนิโยติ ฉยิเม สงฺคหิตา. สพฺเพติ อุภยปาติโมกฺเข อาทิกมฺมิกา สพฺเพ ปุคฺคลา.

๘๔๔. วตฺถูติ วตฺถุ นาม สุทินฺนาทิโน ตสฺส ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส เมถุนาทิกสฺส จ วตฺถุโน สพฺพปฺปกาเรน อชฺฌาจาโร วีติกฺกโม ปวุจฺจตีติ โยชนา.

๘๔๕-๖. เกวลา มูลภูตา ปฺตฺติ. อนุ จ อนุปฺปนฺโน จ สพฺพตฺถ จ ปเทโส จ อนฺวนุปฺปนฺนสพฺพตฺถปเทสา, เตเยว ปทานิ อนฺวนุปฺปนฺนสพฺพตฺถปเทสปทานิ, ตานิ ปุพฺพกานิ ยาสํ ปฺตฺตีนํ ตา อนฺวนุปฺปนฺนสพฺพตฺถปเทสปทปุพฺพิกา. ตเถว สา ปฺตฺตีติ โยชนา. อนุปฺตฺติ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ สพฺพตฺถปฺตฺติ ปเทสปฺตฺติ โหติ. เอกโต อุภโต ปุพฺพา กเถว สา ปฺตฺตีติ โยชนา. เอกโตปทํ อุภโตปทฺจ ปุพฺพมสฺสาติ เอกโตอุภโตปุพฺพา, เอกโตปฺตฺติ อุภโตปฺตฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๘๔๗. ตตฺถ นวธาสุ ปฺตฺตีสุ. ปฺตฺติ นาม กตมาติ อาห ‘‘โย เมถุน’’นฺติอาทิ. ‘‘โย ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ จ ‘‘โย ภิกฺขุ อทินฺนํ อาทิเยยฺยา’’ติ จ เอวมาทิกา สิกฺขาปทสฺส มูลภูตา ปฺตฺติ โหตีติ โยชนา.

๘๔๘. อิจฺเจวมาทิกาติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ จ ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ จ เอวมาทีนํ สงฺคโห.

๘๔๙. วชฺชเก อนุปฺปนฺเนเยว ปฺตฺตา อนุปฺปนฺนปฺตฺติ, สา อนุปฺปนฺนปฺตฺติ.

๘๕๐-๑. คุณงฺคุณุปาหนสิกฺขาปเทน สห จมฺมตฺถรณสิกฺขาปทฺจ ธุวนฺหานํ ธุวนหานสิกฺขาปทํ, ปฺจวคฺเคน อุปสมฺปาทนสิกฺขาปทฺจาติ เอสา จตุพฺพิธา ปฺตฺติ ปเทสปฺตฺติ นามาติ วุตฺตาติ โยชนา. มชฺฌิมเทสสฺมึเยว โหตีติ มชฺฌิมเทสสฺมึเยว อาปตฺติกรา โหติ. น อฺโตติ น อฺตฺร ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ เทสนฺตเร าเน.

๘๕๒. อิโตติ จตุพฺพิธปเทสปฺตฺติโต. เอตฺถาติ อิมสฺมึ ปฺตฺติเภเท. สาธารณทุกาทิกนฺติ สาธารณปฺตฺติ อสาธารณปฺตฺติ, เอกโตปฺตฺติ อุภโตปฺตฺตีติ ทุกทฺวยํ. อตฺถโต เอกเมวาติ อตฺถโต อฺมฺสมานเมว. วิปตฺตาปตฺตานาปตฺติวินิจฺฉโย วิตฺถาริโตติ อิธ น ทสฺสิโต. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – วิปตฺตีติ สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนํ อฺตรา. อาปตฺตีติ ปุพฺพปโยคาทิวเสน อาปตฺติเภโท. อนาปตฺตีติ อชานนาทิวเสน อนาปตฺติ.

๘๕๓. อาปตฺติ ปน สาณตฺติกาปิ โหติ, อนาณตฺติกาปิ โหตีติ โยชนา. ‘‘อาณตฺตีติ จ นาเมสา อาณาปนา’’ติ อิมินา อาณตฺติ-สทฺทสฺส สภาวสาธารณตฺตาติ อิธาห.

๘๕๔. สพฺพสิกฺขาปเทสุปิ สพฺพาสํ อาปตฺตีนํ สพฺโพ ปน องฺคเภโทปิ วิภาวินา าตพฺโพติ โยชนา.

๘๕๖. ‘‘สา จ อกฺริยสมุฏฺานา’’ติ ปทจฺเฉโท. กาเยน, วาจาย วา ทสาหพฺภนฺตเร อติเรกจีวรสฺส อนธิฏฺาเนน นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยํ โหตีติ ‘‘ปเม กถิเน วิยา’’ติ อุทาหรณํ กตํ.

๘๕๗. กฺริยากฺริยโต โหตีติ กิริยโต จ อกิริยโต จ โหติ. ตตฺถ อุทาหรณมาห ‘‘จีวรคฺคหเณวิยา’’ติ. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรคฺคหณํ กฺริยา, ปาริวตฺตกสฺส อทานํ อกฺริยาติ เอวํ กิริยาย เจว อกิริยาย จ อิมํ อาปชฺชติ.

๘๕๘. สิยา ปน กโรนฺตสฺส อกโรนฺตสฺสาติ ยา ปน อาปตฺติ สิยา กโรนฺตสฺส, สิยา อกโรนฺตสฺส โหติ, อยํ สิยา กิริยโต, สิยา อกิริยโต สมุฏฺาติ. สิยาติ จ กทาจิ-สทฺทตฺเถ นิปาโต. อตฺโรทาหรณมาห ‘‘รูปิโยคฺคหเณ วิยา’’ติ. รูปิยสฺส อุคฺคหเณ, อุคฺคณฺหาปเน สิยา กทาจิ กิริยโต สมุฏฺาติ, อุปนิกฺขิตฺตสฺส สาทิยเน กายวาจาหิ กาตพฺพสฺส อกรเณน กทาจิ อกโรนฺตสฺส โหตีติ.

๘๕๙. ยา กโรโต อกุพฺพโต, กทาจิ กโรนฺตสฺส จ โหติ, สา อาปตฺติ สิยา กิริยากิริยโต, สิยา กิริยโตปิ จ โหตีติ โยชนา. ‘‘กุฏิการาปตฺติ วิยา’’ติ วตฺตพฺพํ. สา หิ วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ กโรโต กิริยโต สมุฏฺาติ, อเทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ, ปมาณยุตฺตํ วา กโรโต กิริยากิริยโต สมุฏฺาติ.

๘๖๑. ยโต อาปตฺติโต. อยํ อาปตฺติ. สฺาย กรณภูตาย วิโมกฺโข เอตายาติ สฺาวิโมกฺขา. เอตฺถ จ วีติกฺกมสฺา อวิชฺชมานาปิ อาปตฺติยา วิมุจฺจนสฺส สาธกตมฏฺเน คหิตา. ยถา วุฏฺิยา อภาเวน ชาตํ ทุพฺภิกฺขํ ‘‘วุฏฺิกต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. อยํ สจิตฺตกาปตฺติ.

๘๖๒-๔. อิตรา ปน อจิตฺตกาปตฺติ. วีติกฺกมสฺาย อภาเวน นตฺถิ วิโมกฺโข เอตายาติ โนสฺาวิโมกฺขา. สุจิตฺเตน สวาสนกิเลสปฺปหาเนน, สกลโลกิยโลกุตฺตรกุสลสมฺปโยเคน จ สุนฺทรจิตฺเตน ภควตา ปกาสิตา สพฺพาว อาปตฺติ จิตฺตสฺส วเสน ทุวิธา สิยุนฺติ โยชนา. สจิตฺตกสมุฏฺานวเสน ปนาติ สจิตฺตกสมุฏฺานวเสเนว. สจิตฺตกมิสฺสกวิวชฺชนตฺถาย ปน-สทฺโท เอวการตฺโถ วุตฺโต.

ยา สจิตฺตเกหิ วา อจิตฺตกมิสฺสกสมุฏฺานวเสน วา สมุฏฺาติ, อยํ อจิตฺตกา.

๘๖๕. สุวิชฺเชนาติ โสภมานาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ วา อฏฺหิ วา วิชฺชาหิ สมนฺนาคตตฺตา สุวิชฺเชน. อนวชฺเชนาติ สวาสนกิเลสาวชฺชรหิตตฺตา อนวชฺเชน ภควตา . โลกปณฺณตฺติวชฺชโต โลกปณฺณตฺติวชฺชวเสน สพฺพาว อาปตฺติโย วชฺชวเสน ทุวิธา ทุกา วุตฺตาติ โยชนา.

๘๖๖. ยสฺสา สจิตฺตเก ปกฺเข, จิตฺตํ อกุสลํ สิยาติ ยสฺสา สจิตฺตกาจิตฺตกสมุฏฺานาย อจิตฺตกาย สุราปานาทิอาปตฺติยา สจิตฺตกสมุฏฺานปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา นามาติ อตฺโถ. ยสฺสา ปน สจิตฺตกสมุฏฺานาย ปมปาราชิกาทิอาปตฺติยา จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตสฺสา โลกวชฺชตาย วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อจิตฺตกาปิ วา อาปตฺติ สจิตฺตกปกฺเข กุสลจิตฺเต สติ โลกวชฺชตาย สิทฺธาย อจิตฺตกปกฺเขปิ โลกวชฺโช โหติ, กิมงฺคํ ปน อกุสลจิตฺเตเนว อาปชฺชิตพฺพาย อาปตฺติยา โลกวชฺชตาติ สา วิสุํ น วุตฺตา.

ยสฺมา ปน ปณฺณตฺติวชฺชาย วตฺถุวีติกฺกมวชฺชา สิยา กุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ตสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ กุสลเมวาติ อยํ นิยโม นตฺถีติ อาห ‘‘เสสา ปณฺณตฺติวชฺชกา’’ติ. ‘‘ปณฺณตฺติวชฺชกา’’ติ อิมินา จ ลกฺขเณน วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ตสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวาติ อยํ นิยโม นตฺถีติ อาห.

๘๖๗. กายทฺวาเรน อาปชฺชิตพฺพา กายกมฺมํ. อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพา ตทุภยํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ. มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถีติ มโนกมฺมํ น วุตฺตํ. ‘‘มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถีติ จ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ มโนทฺวาเรปิ อาปตฺติสมฺภวโต’’ติ อาจริยา.

๘๖๘-๙. กุสลาทิติกทฺวยนฺติ กุสลตฺติกฺเจว เวทนาตฺติกฺจ. อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต กุสลากุสลจิตฺโต, ตถา อพฺยากตจิตฺโต วา หุตฺวา อาปชฺชตีติ โยชนา.

ทุกฺขาทิสํยุโตติ อาทิ-สทฺเทน อุเปกฺขาเวทนาสมงฺคิโน สงฺคโห. เอวํ สนฺเตปิ สพฺพสิกฺขาปเทสุ อกุสลจิตฺตวเสน เอกํ จิตฺตํ, กุสลาพฺยากตวเสน ทฺเว จิตฺตานิ, สพฺเพสํ วเสน ตีณิ จิตฺตานิ. ทุกฺขเวทนาวเสน เอกา เวทนา, สุขอุเปกฺขาวเสน ทฺเว, สพฺพาสํ วเสน ติสฺโส เวทนาติ อยเมว เภโท ลพฺภติ, น อฺโ เภโท.

กุสลตฺติกํ สเจปิ คหิตํ, น ปน สพฺเพสเมว จิตฺตานํ วเสน ลพฺภติ, อถ โข อาปตฺติสมุฏฺาปกานํ พาตฺตึสจิตฺตานเมว วเสน ลพฺภติ. พาตฺตึเสว หิ จิตฺตานิ อาปตฺติสมุฏฺาปกานิ. ทฺวาทส อกุสลานิ, อฏฺ กามาวจรกุสลานิ, ทส กามาวจรกิริยจิตฺตานิ, กุสลโต, กิริยโต จ ทฺเว อภิฺาจิตฺตานิ จาติ เอวํ พาตฺตึสจิตฺเตหิ สมุฏฺิตาปิ อาปตฺติ อกุสลา วา โหติ อพฺยากตา วา, นตฺถิ อาปตฺติ กุสลํ. ยถาห สมถกฺขนฺธเก ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๒; ปริ. ๓๐๓). อยํ ปน ปาโ ปณฺณตฺติวชฺชํเยว สนฺธาย วุตฺโต, น โลกวชฺชํ. ยสฺมิฺหิ ปถวิขณนภูตคามปาตพฺยตาทิเก อาปตฺตาธิกรเณ กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหติ, ตสฺมิฺจ สติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ. ตสฺมา นยิทํ องฺคปโหนกจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ตาว อาปตฺตาธิกรณํ โลกวชฺชํ, ตํ เอกนฺตโต อกุสลเมว. ตตฺถ ‘‘สิยา อกุสล’’นฺติ วิกปฺโป นตฺถิ. ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ตํ ยสฺมา สฺจิจฺจ ‘‘อิมํ อาปตฺตึ วีติกฺกมามี’’ติ วีติกฺกมนฺตสฺเสว อกุสลํ โหติ, อสฺจิจฺจ ปน กิฺจิ อชานนฺตสฺส สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชนโต อพฺยากตํ โหติ, ตสฺมา ตตฺถ สฺจิจฺจาสฺจิจฺจวเสน อิมํ วิกปฺปภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ. สเจ ปน ‘‘ยํ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ, อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วเทยฺย, อจิตฺตกานํ เอฬกโลมปทโสธมฺมาทิสมุฏฺานานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปชฺเชยฺย, น จ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ, กายวจีวิฺตฺติวเสน ปน จลิตปวตฺตานํ กายวาจานํ อฺตรเมว องฺคํ, ตฺจ รูปกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา อพฺยากตนฺติ.

๘๗๐. อิทํ ตุ ลกฺขณนฺติ อิทํ นิทานาทิสาธารณวินิจฺฉยลกฺขณํ.

๘๗๑. ‘‘ตรุ’’นฺติอาทิคาถา ปุพฺเพ วุตฺตตฺถาว. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ‘‘ทฺวยงฺกุร’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘จตุสฺสิข’’นฺติ. ตตฺถ ‘‘ทฺวยงฺกุร’’นฺติ โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชานํ คหณํ , อิธ จตุสฺสิขนฺติ จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ. จตฺตาโร สีขา องฺกุรา เอตสฺสาติ วิคฺคโห. ตตฺถ วิปตฺติ ‘‘สตฺตผล’’นฺติ สตฺตผเลสุ อนฺโตคธา, อิธ วิปตฺติฏฺาเน วชฺชํ คเหตฺวา สตฺตผลานิ.

๘๗๒. อนุตฺตรตํ คตํ อตฺตนา อุตฺตรสฺส อุตฺตมสฺส กสฺสจิ อวิชฺชมานตฺตา อิมํ อุตฺตรํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํ โย เถรนวมชฺฌิเมสุ อฺตโร ปริยาปุณาติ ปาสฺส ปคุณวาจุคฺคตกรเณน อธียติ, ปริปุจฺฉติ อตฺถฺจ อตฺถวณฺณนํ สุตฺวา สกฺกจฺจํ อุคฺคเหตฺวา มนสา เปกฺขิตฺวา ปฺาย สุปฺปฏิวิชฺฌิตฺวา ธาเรติ, โส จ ภิกฺขุ -สทฺเทน เอวเมว วินยวินิจฺฉเย โย ภิกฺขุ ยุตฺโต, โส จ กายวาจวินเย กายวาจาวีติกฺกมานํ วินยเน สํวรเณ วินเย วินยปิฏเก อนุตฺตรตํ อุปยาติ อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส อวิชฺชมานตํ อุปคจฺฉติ. เอตฺถ การณมาห ‘‘อุตฺตรโต’’ติ, ปคุณวาจุคฺคตกรเณน อธีเตน อตฺถวณฺณนํ สุตฺวา ธารเณน สุฏฺุ ธาริเตน อิมินา อุตฺตรปกรเณน เหตุภูเตนาติ อตฺโถ.

อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา

ลกฺขณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.